เด็กๆในกรุงบ้านไหนๆ เป็นต้องโปรดปราน Pizza ที่ทีวีกระหน่ำโฆษณาใส่หัวอยู่ทุกวี่วัน ไปเดินเล่นplaza ตึกไหนๆเป็นต้องเจอคนนั่งกินกันเต็มร้าน แสดงถึงความนิยมอาหารตะวันตกตามยุคสมัยไม่แพ้ American Fast Food
ถ้าคุณมีลูกเล็กวัยสักประถมที่โตพอจะเป็นผู้ช่วยคุณลองทำอาหารเล่นง่ายๆในครัวด้วยกัน ลองซื้อแผ่นแป้ง pizza ที่มีขายแบบแป้งสด เอามาทำกินเล่นกับลูกๆที่บ้านได้เป็นมื้อวันหยุด ทำง่ายมากๆและอิ่มอร่อยด้วย อยากจะทานหน้าอะไรก็ซื้อหามาใส่เองตามชอบใจ ช่วยปลูกฝังให้เด็กๆรักการทำอาหารเหมือนได้เล่นทดลองวิทยาศาสตร์และสนใจกิจกรรมอื่นๆในบ้านด้วย ดีกว่าการหมดเวลาไปกับการดูทีวีและเล่นเกมส์ทั้งวัน
Spaghetti Sauce รส Traditional ของ Prego
ส่วนผสมก็ซื้อหามาเตรียมได้ง่ายๆ แป้ง pizza มีขายตาม supermarket ชั้นนำมักมีขนาดประมาณ pizza ที่ขายถาด size กลาง ซื้อ Spaghetti Sauce มาใช้เป็น base แบบสำเร็จรูปได้เลย เราใช้ของ Prego ดังรูป เอามาทาให้ทั่วบนแผ่นแป้ง pizza เสร็จแล้ววางเนื้อสัตว์หรือไส้กรอกหั่นบางหน่อย หรือใส่ผักที่โปรดเรียงเป็นหน้าตามชอบใจ โรยทับด้วย Mozzerella Cheese ที่ขูดฝอยเตรียมไว้แล้วให้ทั่วแผ่น เอา pizza เข้าเตาอบไฟฟ้าขนาดเล็กแบบปิ้งย่างใส่ถาดช่องกลาง ให้ไฟอยู่ที่ 180 องศาฟาเรนไฮต์ ถ้าใช้ไฟแรงมากไปหน้าจะไหม้เกรียมเกินไปก่อนที่แป้งจะกรอบ ประมาณ 7-10 นาทีก็สุกหอมชีสเยิ้มน่ากิน นำมาตัดเป็นชิ้นๆด้วย Roller Cutter โรย Oregano เล็กน้อยก่อนเสริฟทานร้อนๆ
Pizza หน้า Ham, Pepperoni, Artichoke and Black Olives
ลูกๆเรามักชื่นชอบหน้า Ham, Bacon & Sausage ถ้าเป็นสไตล์ของลูกจะโรยชีสท่วมมากๆ จนเวลาสุกแล้วชีสเยิ้มเป็นทะเลสีทองจนมองไม่เห็นหน้าเลย เรียกว่า พิซซ่าชีสท่วม ไส้กรอกรวมหลายๆชนิดของ TGM คุณภาพดีนำมาสลับกันทำได้หลายหนให้ไม่ซ้ำกัน ทั้ง Pepperoni, Salami, Smoked Bacon Sausage, Arabic Vienna, Meat Balls, Ham แบบเต๋า หรือทำหน้า Mariana แบบซีฟู้ดรวม ใส่ทั้งกุ้ง ปลาหมึก ปูอัด ปลา หอยเชล์ ปลา Salmon แต่ละอย่างหั่นชิ้นบางหน่อย หรือผสมผักลงไปด้วยในหน้า pizza เพื่อไม่ให้เลี่ยนนัก พวก Rocket, Artichoke, Argurula, Olive, Italian Basil ก็จะได้รสชาดที่หลากหลาย อิ่มอร่อยทันใจในการเตรียมที่ใช้เวลาเพียง 15 นาที
Spaghetti ก็เช่นเดียวกัน เด็กๆมักเริ่มหัดรับประทานครั้งแรกๆด้วยหน้า Carbonara หริอหน้าเนื้อหรือหมูสับกับ Tomato Sauce แบบ Bolognese เจ้า Prego Sauce ที่ว่านี้ เอามาเทใส่กระทะร้อนๆปริมาณมากหน่อย พอซอสเดือดปุดๆ ก็เอาเนื้อหรือหมูสับใส่ลงไปเลย คนให้เข้ากันจนสุก ปรุงรสเพิ่มด้วยเกลือและพริกไทยป่น ใส่ parsley ฝรั่งสับเอาแต่ใบหยักๆลงไปด้วย คนให้พอสุกทั่วกันดีก็เสร็จ นำไปราดลงบนเส้น spaghetti ที่ทำสุกแล้ว จะพรมด้วย Grated Parmesan Cheese ก็ได้แล้วแต่ชอบ
Spaghetti Bolognese
ส่วน Spaghetti alla Carbnara ก็ทำกินเองได้ไม่ยากเลย หั่นเบคอนชิ้นยาวให้เป็น 4 ส่วน นำลงผัดในกระทะที่ไม่มีน้ำมัน ผัดเป็นระยะจนเดือดน้ำมันในเบคอนจะออกมามาก ตักเบคอนที่สุกแล้วพักเอาไว้ก่อน เอากระเทียมซอยบางๆใส่ลงไปผัดในน้ำมันเบคอนจนหอม ถ้าหากต้องการให้รสชาดหวานขึ้นเป็นพิเศษ ลองใส่หอมสับละเอียดปริมาณเพียงเล็กน้อยพอๆกับเนื้อกระเทียมลงไปผัดพร้อมกับหอม พอหอมสุกนิ่มดีแล้วจะทำให้รสชาดหวานนุ่มนวลขึ้นอย่างรู้สึกได้ ใส่เบคอนกลับลงไปในกระทะ เติม Single Cream ลงไปพอประมาณให้ได้ส่วนผสมที่ข้นกำลังดี ถ้าเห็นปริมาณครีมที่เทลงไปแล้วสยองกลัวจะอ้วนเกิน จะผสม Low Fat Milk ปนลงไปลดส่วนแบ่งครีมซอสให้เจือจางลงได้บ้าง แต่นาทีนี้คงไม่ได้ทำให้อ้วนน้อยลงเท่าไหร่นะ พอส่วนผสมเดือดแล้วปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยป่นให้อร่อย หรี่ไฟอ่อนนำ spaghetti ที่เตรียมไว้เอาลงผัดคลุกเคล้าให้เข้ากันกับซอส เติมใบผักชีฝรั่งสับแล้วตักใส่จานได้เลย โรยด้วย Grated Parmesan Cheese ก่อนรับประทาน
Spaghetti alla Carbonara
Carbonara Sauce มีอีกแบบที่นิยมทานกันในแบบ American Style ด้วยการใส่ไข่เติมลงไปในซอสด้วย จากขั้นตอนเดิม ให้เพิ่มตอกไข่ไก่เตรียมไว้ในชาม เมื่อเตรียมซอสเสร็จ ให้ปิดไฟเทไข่ใส่ลงในซอสแล้วคนเร็วๆ ไข่จะจับตัวสุกผสมกับซอสแปรสภาพเป็น lump ข้นขึ้น แล้วค่อยใส่เส้นลงคลุกเคล้าให้ทั่ว ที่ต้องปิดไฟก่อนใส่ไข่ เพราะถ้าหากกระทะร้อนเกินไปเวลาคนให้ส่วนผสมและไข่เข้ากันดี ไข่จะสุกจับตัวแข็งกลายเป็นได้ Scramble Egg ไปแทนเสียนี่ พาลอดกินกันทั้งบ้าน
จากสูตร Carbonara เราสามารถแตกย่อยออกเป็นสูตร Spaghetti with Bacon & Garlic ผัดแห้งแบบที่เด็กๆทานได้ เมื่อเอาเบคอนกลับลงไปผัดต่อในกระทะ ก็ใส่เส้นตามลงไปคลุกให้เข้ากันเลย แล้วโรยใบ Parsley สับลงไป ถ้าชอบเบคอนแบบกรอบๆหน่อย ก็ให้ทอดเบคอนทิ้งไว้นานๆจนเหลืองกรอบแล้วตักขึ้นพักซับน้ำมันไว้ก่อนเอาน้ำมันไปผัดส่วนผสมอื่นต่อ สำหรับคนที่ต้องการความรวดเร็ว ยังมีทางลัดอีกคือ การเอาเบคอนทั้งชิ้นยาวมาเรียงเป็นระเบียบไม่ทับกันใส่ในจานก้นแบน แล้วใส่เตา Microwave ไฟแรงสุดนานราว 5-7 นาที จะได้เบคอนที่สุกแห้งกรอบพอดี นำมาเทเอาน้ำมันออกนำไปใช้ผัดส่วนผสมต่อ และพักเบคอนรอไว้บน Kitchen Towel เพื่อซับน้ำมันออก เวลาผัดเครื่องเสร็จใส่เส้นลงไปผัด แล้วบิเบคอนกรอบลงไปคลุกด้วยเฉยๆ แบ่งส่วนหนึ่งไว้โรยหน้าให้สวยงาม
จากสูตรเดียวกันนี้ หากเอาพริกแห้งแช่น้ำให้นิ่มหั่นเฉลียงไว้ ใส่ลงผัดในน้ำมันเบคอนพร้อมกันกับหอมและกระเทียม ก็จะได้เป็น Spaghetti Spicy Bacon with Garlic and Dried Chilli
Spaghetti ผัดแห้งกับเนื้อสัตว์ที่ออกเค็มหน่อย จะให้รสชาดที่ลงตัวน่ารับประทานทั้งนั้น จะปรับสูตรจากเบคอน Cornbeef หรือ Italian Sausage ก็อร่อยไม่แพ้กัน
Spaghetti with Bacon & Garlic
Spaghetti Spicy Bacon with Garlic & Dried Chilli
Spaghetti with Cornbeef & Garlic
ใช่ว่า pasta จะออกรสแนวเลี่ยนมันเสมอไป เวลาที่ผัดซอสใส่ Rose Tomato หรือมะเขือเทศสีดา หรือ Sun-dried Tomato ลงไปในซอสที่ใส่ seafood ชนิดต่าง จะทำให้รสชาดเปลี่ยนเป็นสดชื่นหรืออมเปรี้ยวได้อย่างน่าอัศจรรย์ pasta ที่ผสมผักและเครื่องเพิ่มเทศต่างๆ จะเพิ่มความหอมหวลยามเคี้ยวอยู่ในปากให้สุนทรียภาพสุดจะบรรยาย
Fetticini with Bacon, Prawns, Squid, Garlic and Rose Tomatoes
Spaghetti with Prawns, Zucchni, Italian Basils and Sun-dried Tomatoes
Spaghetti with Tiger Prawns, Garlic, Black Olives and Peppercorn
ลองทดลองทำดูและค้นหาสูตรต่างๆที่เป็นของตัวคุณเอง แล้วคุณจะพบว่าการทำ Pasta ช่างง่ายดายและสนุกกว่าที่คุณเคยคิด
Thursday, February 14, 2013
Italian Job
ขึ้นชื่อว่าอาหาร Italian แฟนๆต่างหลับตานึกถึง Pizza และ Pasta เป็นอาหารหลัก เครื่องปรุงมาตรฐานที่พลาดไม่ได้ในแต่ละจานเด็ด มักประกอบไปด้วย Olive Oil กระเทียม Italian Basil และมะเขือเทศสดเคี่ยวจนเป็น Tomato Sauce เหล่านี้ล้วนเป็นอาหารชั้นเยี่ยมที่ดีต่อสุขภาพ จนเป็นที่เลื่องลือว่าทำให้ชาวอิตาเลี่ยนไม่มีปัญหาคลอเลสเตอรอลสูง ถึงแม้จะสวาปามแป้ง ชีส นม เนย จำนวนมากตลอดชั่วชีวิต
ด้วยความที่ประเทศอิตาลี่มีลักษณะหน้าตาเหมือนรองเท้าบู้ทเป็นแหลมขนาดใหญ่ยื่นลงไปในทะเล อาหารการกินที่นิยมจึงมีอาหารทะเลหลายหลายเข้ามาเป็น Ingredient รวมถึงเนื้อวัววจากฟาร์มที่เลี้ยงบนที่ราบหุบเขาด้วย อาหารแป้งจำพวก pasta นิยมรับประทานกันแทบทุกวันเหมือนคนไทยกินข้าวจึงใช้ปรุงเพื่อรับประทานร่วมกับซอสต่างๆ คนไทยเวลานึกถึง pasta แล้วคำว่าอ้วนและเลี่ยนมักผุดขึ้นมาในหัวก่อนเลย ที่จริงแล้ว pasta หากเป็นประเภทที่ไม่ใช่ทานกับ cream sauce แต่ปรุงแบบผัดแห้งเร็วๆบนกระทะ เวลาทานจะได้กลิ่นหอมเครื่องเทศและไม่ทำให้รู้สึกเลี่ยนเลย
Spaghetti wih garlic, pesto and crabmeat
ข้อดีของการปรุงอาหารรับประทานเอง คือคุณจะใส่ส่วนผสมอะไรที่ชอบกินมากเท่าไหร่ก็ได้ เราเลยเรียกพาสต้าจานโปรดของครอบครัวนี้ว่า spaghetti ปูท่วม
วิธีการเตรียมเส้น spaghetti ให้ต้มน้ำจนเดือดพล่าน ใส่เกลือลงไปเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เส้นติดพันกัน เคยได้ยินมาว่าบางอาจารย์สอนทำอาหารแนะนำให้ใส่น้ำมันลงไปไม่ให้เส้นติดกัน เราเคยมีโอกาสได้ถาม italian mama ถึงเคล็ดลับเรื่องการใส่น้ำมันที่ข้องใจนี้ เธอถึงกับหัวเราะก๊ากบอกว่าให้ไปถอดประกาศนียบัตรของอาจารย์คืนได้เลย ที่อิตาลี่เขาใส่แต่เกลือกันน่ะ
ถ้าคุณชอบทานเส้นกรุบกริบหน่อย ก็ต้มเส้นปิดฝาตลอดด้วยเวลาประมาณ 6-8 นาที แล้วแบ่งขึ้นมาเอานิ้วหยิกลองดูว่าเส้นสุกทานได้แล้วรึยัง ถ้าชอบแบบเส้นนิ่ม จะต้มต่อไปอีกเป็น 10-12 นาที เราเคยลองมาแล้ว pasta ยี่ห้อเดียวกัน ต้มคนละบ้านคนละเตา ใช้เวลาเหลื่อมไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับความร้อนของเตากับประสิทธิภาพของหม้อแต่ละบ้านด้วย ดังนั้นคุณต้องหยิกชิมลอง pasta ทุกครั้งว่าถูกใจหรือยัง อย่าลืมว่าถ้าคุณเอาไปผัดต่อ เส้นมันจะไปสุกเพิ่มในรอบผัดต่อไปด้วย ถ้าเป็น spaghetti เราจะเลือกใช้เส้นเบอร์ 2 หรือ 3 ขึ้นอยู่กับว่าทำอะไรทาน เส้นเบอร์ยิ่งน้อยเส้นจะยิ่งเล็ก อาหารที่ปรุงแบบผัดแห้งจะเหมาะกับเส้นที่เล็กหน่อยไปจนถึงเบอร์ 1 คือ Capellini (Angel Hair) และอาหารที่เป็น cream sauce น้ำข้นปริมาณมาก มักจะเหมาะกับเส้นใหญ่อ้วนๆไปจนถึง Linguini และ Fettucini เวลารับประทานแป้งมันจะดูดซอสเข้าไปในเส้นด้วยชุ่มฉ่ำน่ากิน และแป้งเดียวกับ pasta ที่ตัดเป็นตัวๆขนาดใหญ่ให้เคี้ยวจมเขี้ยวเป็นคำๆอย่าง Rigatoni หรือ Gnocchi ก็มักนำไปผัดกับซอสรสจัดเข้มข้นในปริมาณซอสขลุกขลิกไม่มาก หรือเอาแผ่นแป้งสดไปประกบทำเป็นเกี๊ยวยัดไส้เป็น Ravioli หรือไปเรียงใส่ไส้ต่างๆเป็นชั้นๆแบบ Lasagna ก็มักจะต้องปรุงร่วมกับซอสเข้มข้นขลุกขลิกเช่นกัน
เส้น pasta ที่สุกได้ที่ เทน้ำออกสะเด็ดให้แห้งแล้วใส่ภาชนะปิดฝาไว้ไม่ให้เส้นแห้งรอสำหรับทำขั้นตอนต่อไป ถ้าเส้นใช้ไม่หมด ให้เก็บต่อในภาชนะปิดสนิทเอาใส่ตู้เย็นไว้ใช้ได้อีก 2-3 วัน ถ้าปล่อยให้เส้นเสียความชื้นมันจะกล้บแห้งแข็งอีกไม่น่ารับประทาน ถ้าเอาไปลวกในน้ำเดือดอีกครั้งก่อนปรุง texture มันจะนุ่มเสียความยืดหยุ่นและขาดง่าย เส้นที่เก็บไว้ถ้าจะเอาไปทำต่อให้เอาเส้นออกจากตู้เย็น ทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องก่อนแล้วค่อยนำไปผัดได้เลย ถ้าจะเอา sauce มาราด ให้นำไปลวกน้ำเดือดจัดแค่ 1-2 นาทีแล้วรีบเอาขึ้นเลย
กลับมาที่ spaghetti ปูท่วม เทน้ำมันมะกอกปริมาณเล็กน้อยลงในกระทะ พอร้อนควันขึ้นให้ใส่กระเทียมหั่นซอยเป็นแว่นบางๆหนาสัก 1 มม.จำนวนมากหน่อยลงไปผัดให้หอม ขอแนะนำ Pesto Sauce สดของ Oriental Shop เราซื้อมาใช้เพราะเขาทำใหม่สดทุกวัน สีสวยหอมมากและสะดวกดี ใส่ pesto ลงไปผัดกับกระเทียม ปรุงรสด้วยเกลือทะเลและพริกไทยขาวหรือดำป่นแล้วแต่ชอบ ให้รสออกจัดหน่อยเพราะเดี๋ยวก็จะเส้นเติมลงมาอีก
Pesto Sauce ของ Oriental Shop
ส่วนเนื้อปูเราเลือกใช้เนื้อกรรเชียงปูปั้นใหญ่ๆที่แกะแล้ว ที่ตลาดสามย่านจะมีแบบเนื้อก้อนขนาดใหญ่สดมากๆ เวลาซื้อให้เลือกดูเนื้อที่แน่นดีสีขาวแบบ porcelainไม่มีสีเทาหมองมาเจือปน ดีที่สุดเวลาเตรียมคือนำเนื้อปูมาใส่ชามปิดฝานึ่งในลังถึงที่มีน้ำเดือดๆนาน 5-10 นาทีให้สุกดี เนื้อปูจะคงความสดแน่นชุ่มฉำไว้ได้ หรือถ้าไม่มีเวลา ให้ใส่ภาชนะปิดฝาให้มิดชิดใส่ใน microwave ไฟแรงสุดที่ 3-5 นาที จนสุกดี
เนื้อกรรเชียงปู
นำเนื้อปูลงผัดเบามือหรี่ไฟอ่อนไม่คนบ่อยแค่คลุกเคล้าให้เข้ากับเครื่อง pesto เพราะเราทำให้ปูสุกมาก่อนแล้ว ถ้าผัดมากๆก้อนเนื้อปูจะแตกเป็นเส้นๆไม่น่ารับประทาน เทเส้น spagetti ลงไปผัดเบาๆให้เข้ากันกับเครื่อง ชิมดูปรุงรสชาดให้ได้ที่ เป็นอันเสร็จพิธี ง่ายๆแค่นี้
ถ้าหากคุณซื้อ Pesto Sauce ในขวดที่ขายสำเร็จรูปตาม supermarket สีมันจะออกอมเหลืองไม่ใช่สีเขียวสด เพราะ pesto sauce คือการนำ Italian Basil สดๆมาผสมกับกระเทียม Pine Nut Olive Oil เกลือป่นเล็กน้อย และ Grated Parmesan Cheese นำไปปั่นใน blender ให้ผสมเข้ากันแค่พอแหลก เมื่อเวลาผ่านไปสีเขียวของใบ basil ในขวดที่เริ่มหมักกับชีสและ pine nut จะเปลี่ยนเป็นเหลืองมากขึ้น ที่เราชอบของ The Oriental Hotel คือจะ sauce ของสีเขียวสดมากเหมือนที่ทำใหม่ๆ และไม่ใส่ cheese ผสมมาเลย จึงเก็บไว้ได้นานไม่เสียรสชาด และเหมาะกับการนำไปปรุงอาหารต่อได้อีกหลากหลายอย่างมาก ไว้จะแนะนำเมนูที่ใช้ pesto มาอีกในโอกาสต่อๆไปค่ะ
Bon Apetito!
ด้วยความที่ประเทศอิตาลี่มีลักษณะหน้าตาเหมือนรองเท้าบู้ทเป็นแหลมขนาดใหญ่ยื่นลงไปในทะเล อาหารการกินที่นิยมจึงมีอาหารทะเลหลายหลายเข้ามาเป็น Ingredient รวมถึงเนื้อวัววจากฟาร์มที่เลี้ยงบนที่ราบหุบเขาด้วย อาหารแป้งจำพวก pasta นิยมรับประทานกันแทบทุกวันเหมือนคนไทยกินข้าวจึงใช้ปรุงเพื่อรับประทานร่วมกับซอสต่างๆ คนไทยเวลานึกถึง pasta แล้วคำว่าอ้วนและเลี่ยนมักผุดขึ้นมาในหัวก่อนเลย ที่จริงแล้ว pasta หากเป็นประเภทที่ไม่ใช่ทานกับ cream sauce แต่ปรุงแบบผัดแห้งเร็วๆบนกระทะ เวลาทานจะได้กลิ่นหอมเครื่องเทศและไม่ทำให้รู้สึกเลี่ยนเลย
ข้อดีของการปรุงอาหารรับประทานเอง คือคุณจะใส่ส่วนผสมอะไรที่ชอบกินมากเท่าไหร่ก็ได้ เราเลยเรียกพาสต้าจานโปรดของครอบครัวนี้ว่า spaghetti ปูท่วม
วิธีการเตรียมเส้น spaghetti ให้ต้มน้ำจนเดือดพล่าน ใส่เกลือลงไปเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เส้นติดพันกัน เคยได้ยินมาว่าบางอาจารย์สอนทำอาหารแนะนำให้ใส่น้ำมันลงไปไม่ให้เส้นติดกัน เราเคยมีโอกาสได้ถาม italian mama ถึงเคล็ดลับเรื่องการใส่น้ำมันที่ข้องใจนี้ เธอถึงกับหัวเราะก๊ากบอกว่าให้ไปถอดประกาศนียบัตรของอาจารย์คืนได้เลย ที่อิตาลี่เขาใส่แต่เกลือกันน่ะ
ถ้าคุณชอบทานเส้นกรุบกริบหน่อย ก็ต้มเส้นปิดฝาตลอดด้วยเวลาประมาณ 6-8 นาที แล้วแบ่งขึ้นมาเอานิ้วหยิกลองดูว่าเส้นสุกทานได้แล้วรึยัง ถ้าชอบแบบเส้นนิ่ม จะต้มต่อไปอีกเป็น 10-12 นาที เราเคยลองมาแล้ว pasta ยี่ห้อเดียวกัน ต้มคนละบ้านคนละเตา ใช้เวลาเหลื่อมไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับความร้อนของเตากับประสิทธิภาพของหม้อแต่ละบ้านด้วย ดังนั้นคุณต้องหยิกชิมลอง pasta ทุกครั้งว่าถูกใจหรือยัง อย่าลืมว่าถ้าคุณเอาไปผัดต่อ เส้นมันจะไปสุกเพิ่มในรอบผัดต่อไปด้วย ถ้าเป็น spaghetti เราจะเลือกใช้เส้นเบอร์ 2 หรือ 3 ขึ้นอยู่กับว่าทำอะไรทาน เส้นเบอร์ยิ่งน้อยเส้นจะยิ่งเล็ก อาหารที่ปรุงแบบผัดแห้งจะเหมาะกับเส้นที่เล็กหน่อยไปจนถึงเบอร์ 1 คือ Capellini (Angel Hair) และอาหารที่เป็น cream sauce น้ำข้นปริมาณมาก มักจะเหมาะกับเส้นใหญ่อ้วนๆไปจนถึง Linguini และ Fettucini เวลารับประทานแป้งมันจะดูดซอสเข้าไปในเส้นด้วยชุ่มฉ่ำน่ากิน และแป้งเดียวกับ pasta ที่ตัดเป็นตัวๆขนาดใหญ่ให้เคี้ยวจมเขี้ยวเป็นคำๆอย่าง Rigatoni หรือ Gnocchi ก็มักนำไปผัดกับซอสรสจัดเข้มข้นในปริมาณซอสขลุกขลิกไม่มาก หรือเอาแผ่นแป้งสดไปประกบทำเป็นเกี๊ยวยัดไส้เป็น Ravioli หรือไปเรียงใส่ไส้ต่างๆเป็นชั้นๆแบบ Lasagna ก็มักจะต้องปรุงร่วมกับซอสเข้มข้นขลุกขลิกเช่นกัน
เส้น pasta ที่สุกได้ที่ เทน้ำออกสะเด็ดให้แห้งแล้วใส่ภาชนะปิดฝาไว้ไม่ให้เส้นแห้งรอสำหรับทำขั้นตอนต่อไป ถ้าเส้นใช้ไม่หมด ให้เก็บต่อในภาชนะปิดสนิทเอาใส่ตู้เย็นไว้ใช้ได้อีก 2-3 วัน ถ้าปล่อยให้เส้นเสียความชื้นมันจะกล้บแห้งแข็งอีกไม่น่ารับประทาน ถ้าเอาไปลวกในน้ำเดือดอีกครั้งก่อนปรุง texture มันจะนุ่มเสียความยืดหยุ่นและขาดง่าย เส้นที่เก็บไว้ถ้าจะเอาไปทำต่อให้เอาเส้นออกจากตู้เย็น ทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องก่อนแล้วค่อยนำไปผัดได้เลย ถ้าจะเอา sauce มาราด ให้นำไปลวกน้ำเดือดจัดแค่ 1-2 นาทีแล้วรีบเอาขึ้นเลย
กลับมาที่ spaghetti ปูท่วม เทน้ำมันมะกอกปริมาณเล็กน้อยลงในกระทะ พอร้อนควันขึ้นให้ใส่กระเทียมหั่นซอยเป็นแว่นบางๆหนาสัก 1 มม.จำนวนมากหน่อยลงไปผัดให้หอม ขอแนะนำ Pesto Sauce สดของ Oriental Shop เราซื้อมาใช้เพราะเขาทำใหม่สดทุกวัน สีสวยหอมมากและสะดวกดี ใส่ pesto ลงไปผัดกับกระเทียม ปรุงรสด้วยเกลือทะเลและพริกไทยขาวหรือดำป่นแล้วแต่ชอบ ให้รสออกจัดหน่อยเพราะเดี๋ยวก็จะเส้นเติมลงมาอีก
Pesto Sauce ของ Oriental Shop
ส่วนเนื้อปูเราเลือกใช้เนื้อกรรเชียงปูปั้นใหญ่ๆที่แกะแล้ว ที่ตลาดสามย่านจะมีแบบเนื้อก้อนขนาดใหญ่สดมากๆ เวลาซื้อให้เลือกดูเนื้อที่แน่นดีสีขาวแบบ porcelainไม่มีสีเทาหมองมาเจือปน ดีที่สุดเวลาเตรียมคือนำเนื้อปูมาใส่ชามปิดฝานึ่งในลังถึงที่มีน้ำเดือดๆนาน 5-10 นาทีให้สุกดี เนื้อปูจะคงความสดแน่นชุ่มฉำไว้ได้ หรือถ้าไม่มีเวลา ให้ใส่ภาชนะปิดฝาให้มิดชิดใส่ใน microwave ไฟแรงสุดที่ 3-5 นาที จนสุกดี
เนื้อกรรเชียงปู
นำเนื้อปูลงผัดเบามือหรี่ไฟอ่อนไม่คนบ่อยแค่คลุกเคล้าให้เข้ากับเครื่อง pesto เพราะเราทำให้ปูสุกมาก่อนแล้ว ถ้าผัดมากๆก้อนเนื้อปูจะแตกเป็นเส้นๆไม่น่ารับประทาน เทเส้น spagetti ลงไปผัดเบาๆให้เข้ากันกับเครื่อง ชิมดูปรุงรสชาดให้ได้ที่ เป็นอันเสร็จพิธี ง่ายๆแค่นี้
ถ้าหากคุณซื้อ Pesto Sauce ในขวดที่ขายสำเร็จรูปตาม supermarket สีมันจะออกอมเหลืองไม่ใช่สีเขียวสด เพราะ pesto sauce คือการนำ Italian Basil สดๆมาผสมกับกระเทียม Pine Nut Olive Oil เกลือป่นเล็กน้อย และ Grated Parmesan Cheese นำไปปั่นใน blender ให้ผสมเข้ากันแค่พอแหลก เมื่อเวลาผ่านไปสีเขียวของใบ basil ในขวดที่เริ่มหมักกับชีสและ pine nut จะเปลี่ยนเป็นเหลืองมากขึ้น ที่เราชอบของ The Oriental Hotel คือจะ sauce ของสีเขียวสดมากเหมือนที่ทำใหม่ๆ และไม่ใส่ cheese ผสมมาเลย จึงเก็บไว้ได้นานไม่เสียรสชาด และเหมาะกับการนำไปปรุงอาหารต่อได้อีกหลากหลายอย่างมาก ไว้จะแนะนำเมนูที่ใช้ pesto มาอีกในโอกาสต่อๆไปค่ะ
Bon Apetito!
Saturday, February 9, 2013
กินปลาสดๆกันไหม
ในบรรดาอาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่เราจะนิยมกินดิบๆได้ นอกจากกุ้งแช่น้ำปลา หรือลาบก้อยปลาที่เอาน้ำมะนาวคลุกเคล้าทำปฏิกิริยาเคมีกับเนื้อสัตว์ดิบๆให้สีและรสเปลี่ยนแล้ว ก็เห็นจะมีแต่อาหารทะเลหลายชนิดทั้งปลาทะเล กุ้ง ปลาหมึก และหอยในรูปแบบการทำ Sashimi นี่แหละที่คนเมืองนิยมรับประทานมากที่สุด ชาวไทยเราพื้นเพเดิมไม่ได้นิยมกินเนื้อหมู เป็ด ไก่ หรือวัวแบบดิบๆ ยกเว้นผู้ที่ชื่่นชอบการทำ sashimi ด้วยเนื้อวัวหรือแกะบางพันธุ์ตามแบบอาหารยอดนิยมราคาแพงของญี่ปุ่น
ยุคก่อนที่จะมี Supermarket แม่เราเป็นคนหนึ่งที่เคยชอบคิดว่า การไปซื้อปลาที่ตลาดสดตั้งแต่เช้าจะทำให้ได้ปลาที่ดีสดกว่าคนที่ไปรอซื้อเอาตอนบ่าย แต่พ่อซึ่งเป็นกัปตันเรือรบออกทะเลอยู่หลายปีเถียงว่า ไม่มีทาง ปลาทุกตัวที่นอนรอคนมาซื้อบนแผงแม่ค้าในตลาด ล้วนตายเรียบตั้งแต่ชักอวนขึ้นมาบนเรือและถูกจับโยนแช่แข็งเอาไว้ในห้องเย็นที่อยู่ในเรือตั้งแต่ถูกจับได้จนตลอดการเดินทางกลับมาถึงสะพานปลา แข็งทื่อต่อมาในรถห้องเย็นขนส่ง จนมานอนรออยู่ในตู้แช่เย็นพักของแม่ค้าในตลาด วันไหนถึงคิวจะต้องออกมาลงแผงค่อยถูกนำออกมา defrost แต่เช้าวันนั้นก่อนออกมานอนโชว์ตัวหรือแล่เป็นชิ้นๆรอขาย คนไปตลาดตอนบ่ายก็อาจจะได้ซื้อปลาที่ตาย lot เดียวกันและเพิ่งจะถูก defrost ก็ได้ทำให้สดพอๆกัน เล่นเอาแม่เสีย self ไปพักนึงแต่ก็ยังรีบไปตลาดแต่เช้าเวลาเดิมอยู่
เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า อาหารทะเลสดๆที่วางขายใน supermarket ยุคนี้ ก็มีชะตากรรมแบบเดียวกัน ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณซื้อปลาทะเลสดสกุลต่างประเทศ ต้องดูความสดใหม่เอาเองจากสีสันว่าเนื้อแน่นใส ไม่มีเมือกแบบปลาค้างมาจากเมื่อวาน และไม่มีกลิ่นเหม็นเก่า ถ้าคุณซื้อปลาแบบที่เห็นเนื้อสดๆวางแล่เป็นชิ้้นๆรอขายก็จะสังเกตุเห็นได้ง่ายหน่อย แต่ถ้าซื้อแบบชิ้นที่หั่นบรรจุสำเร็จอยู่ใน sealed pack เรียบร้อย โอกาสของการได้เห็นเมือกหรือได้กลิ่นนี่ไม่มีทางบอกได้ ต้องไปลุ้นเอาตอนแกะออกมาใช้ปรุงอาหารว่าใหม่หรือเก่า แล้วถ้าคุณชอบซื้้้อเนื้อปลาชิ้้นใน sealed pack ที่ frozen อยู่ มีโอกาสสูงว่ามันคือปลาเก่าที่ขายไม่หมดตั้งแต่หลายวันก่อนเอามาตัดชิ้นแบ่งขายแบบแช่แข็งได้อีก แถมไม่ได้ลดราคาลงเลยเมื่อเทียบกับเนื้อปลาสดๆ ก็ขอให้โชคดีเวลา defrost เอาออกมาใช้อีกเช่นกัน
ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าอาหารสดแบบ frozen จะแย่ไปเสียทั้งหมด หลายอย่างก็จำเป็นจริงๆที่จะต้องแช่แข็งเพื่อการรักษาสภาพคงความสดใหม่ไว้ให้ได้นานที่สุดตลอดการเดินทาง ตั้งแต่จากโรงงานจนกว่าจะถึงเวลาใช้รับประทานในบ้านของคุณเช่น หอยแมลงภู่ Green Mussels หอยเชลล์ยักษ์หรือ Giant Scallops ขาปู Alaska เนื้อปูก้อนแบบพรีเมี่ยม อาหาร frozen ทั้งหลายควรจะเก็บรักษาให้คงสภาพที่อุณหภูมิแช่แข็งจนกว่าจะถึงเวลานำมาใช้งานค่อย defrost หรือปล่อยให้ละลายเองจนเนื้อนิ่มพร้อมใช้งาน กระบวนการนี้จะทำให้เนื้อสัตว์บีบน้ำออกมาจากเนื้อบางส่วนทำให้เสียความสดและ juicy ลงไปอีกอย่างช่วยไม่ได้ และเกิดขึ้นแม้แต่กับเนื้อสัตว์บกทุกชนิดที่ผ่านการแช่แข็งถนอมอาหารให้อยู่ได้นาน เมื่อนำมา defrost ก็จะเสียน้ำในเนื้อและความสดใหม่เช่นเดียวกัน ดังนั้นการนำอาหารลง defrost เตรียมปรุงเมื่อใด ก็ไม่ควรจะเก็บเอาขึ้นไปแช่แข็งใหม่หากเปลี่ยนใจไม่ทำ เพราะเนื้อมันจะยิ่งเสียสภาพบีบน้ำออกมาเพิ่มเป็น 2 รอบ ทำให้เนื้อเสียทั้ง texture & flavor เวลาปรุงสุกแล้วเนื้อจะดูเละไม่น่ารับประทานอีกด้วย
เมื่อเราโชคดีเลือกได้ปลาสดเนื้อแน่นมาทำอาหาร อยากจะทานเมนูแบบกินสด ก็สามารถหั่นกินแบบ sashimi ให้หนำใจทำเองที่บ้านได้ โดยบอกให้คนขายใน supermarket ช่วยแล่หนังปลาออกให้อย่างเดียว ขอฟรีหรือซื้อหัวไชเท้ากับแครอทหั่นฝอยและ Wasabi มาด้วย เอาหนังปลากลับมาบ้านโรยเกลือกับพริกไทยบางๆเอาลงทอดกรอบได้ คุณควรลงทุนซื้้อชุดมีดคมๆมาไว้ใช้ประจำติดในครัวหากชื่นชอบการกิน sashimi บ่อยๆ ที่บ้านเราชอบกินเนื้อปลา Salmon ชิ้นท้องแบบมีริ้วมันสวยๆ เลือกใช้ Tasmanian Salmon ที่สู้ชีวิตทรหดว่ายน้ำระยะไกลอยู่ในน้ำทะเลใกล้ขั้วโลกใต้ที่เย็นจัด จึงมีกล้ามเนื้อมัดที่แข็งแรงเคี้ยวจมเขี้ยวดีนักแล และมีริ้วมันสวยจากการสะสมไขมันมากตุนเอาไว้ว่ายน้ำเดินทางไกล อุดมด้วยไขมันตัวดีและ Omega 3 & 6 ที่ช่วยลดความเครียดและชะลอวัยหากบริโภคเป็นประจำ
นำเนื้อปลามาล้างน้ำให้สะอาดอย่างเบามือ ซับเบาๆให้แห้งด้วย kitchen towel แล้วหั่นเป็นชิ้นหนาๆประมาณเกือบ 1 cm. คุณทำกินเองที่บ้านลองหั่นแบบเนื้อหนาให้เคี้ยวมันจมเขี้ยวดูแล้วจะติดใจกว่าแบบบางๆที่เขาขายกันตามร้านทั่วไป จะทานสดๆแบบ sashimi หรือจะราดบนข้าวสวยญี่ปุ่นแบบ Sashimidon ใส่ไข่ปลา Trout หรือ Salmon ลูกใหญ่ๆ หรือเนื้อปลา กุ้ง หอยสดๆหลายชนิด รวมถึงไข่หอยเม่นอันโอชะ รับรองถูกสตางค์และอร่อยดีกว่าการไปกินเมนูเดียวกันที่ร้านจนถึงขั้นเลิกไม่สั่งเมนูนี้นอกบ้านอีกเลย
Salmon Belly Sashimi
Salmon Belly Sashimi with Trout Caviar
Trout Caviar with Hokkaido Uni
Salmon Sahimi with Crispy Salmon Skin
Salmon Sashimi with Oak Leaves คลุกน้ำจ้มพริกตำซีฟู้ดแบบไทย
นำเนื้อปลามาล้างน้ำให้สะอาดอย่างเบามือ ซับเบาๆให้แห้งด้วย kitchen towel แล้วหั่นเป็นชิ้นหนาๆประมาณเกือบ 1 cm. คุณทำกินเองที่บ้านลองหั่นแบบเนื้อหนาให้เคี้ยวมันจมเขี้ยวดูแล้วจะติดใจกว่าแบบบางๆที่เขาขายกันตามร้านทั่วไป จะทานสดๆแบบ sashimi หรือจะราดบนข้าวสวยญี่ปุ่นแบบ Sashimidon ใส่ไข่ปลา Trout หรือ Salmon ลูกใหญ่ๆ หรือเนื้อปลา กุ้ง หอยสดๆหลายชนิด รวมถึงไข่หอยเม่นอันโอชะ รับรองถูกสตางค์และอร่อยดีกว่าการไปกินเมนูเดียวกันที่ร้านจนถึงขั้นเลิกไม่สั่งเมนูนี้นอกบ้านอีกเลย
Salmon Belly Sashimi
Salmon Belly Sashimi with Trout Caviar
Trout Caviar with Hokkaido Uni
Salmon Sahimi with Crispy Salmon Skin
Salmon Sashimi with Oak Leaves & Balsamic Vinegar Dressing
Salmon Sashimi with Oak Leaves คลุกน้ำจ้มพริกตำซีฟู้ดแบบไทย
Friday, February 8, 2013
เรื่องกินเรื่องใหญ่
เช้าวันนี้ เราตื่นมาพร้อมกับความรู้สึกเหมือนเป็นวิญญาณใหม่เข้าสิงร่างเดิม รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าบ้าพลังแต่เช้า เพื่อนๆลองเทคนิคนี้ที่เราใช้ประจำ เวลาจะมีเหตุการณ์สำคัญอะไรที่จะต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวสูงกว่าวันปกติ เช่น มีประชุมประเภท Life & death ที่ต้องมีส่วนร่วมแบบเป็น key decision maker หรือวันที่จะต้อง present ขอ budget ให้ผ่าน หรือแม้กระทั่งวันจะไปเป็นเถ้าแก่สู่ขอสาวให้น้องหนุ่มที่ทำงาน เหล่านี้ล้วนเป็นวันที่ต้อง "ปลุกพระ" ขอพลังเสริมทั้งกายและจิตให้เข้มแข็งเกินร้อย หวังผลเลิศเป็นความสำเร็จและชัยชนะ ในช่วงชีวิตที่เป็นจัดซื้อของห้างดัง เราต้องพบเจอวันแบบนี้บ่อยครั้ง เนื่องจากวันๆเอาแต่ประชุมพูดมากทั้งวัน ฟังคนเอาสินค้ามาเสนอขาย ต่อรองราคา พื้นที่ ยอดขาย ไหนจะต้องเอาร้านค้านิสัยดีที่คบค้ากับมาหลายสิบปีแต่พอขายไม่ดีก็ต้องไล่แบรนด์เขาออกจากพื้นที่ขายอีก ต้องสามารถพูดดำให้เป็นขาวได้แบบชนิดที่คู่กรณีบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่นไม่มีขัดเคืองกินใจกัน วันๆสิ้นเปลืองพลังงานกับเรื่องตัดสินใจและเจรจาเป็นหลัก ก่อนถึงวันสำคัญ ช่วงล้มตัวลงนอนก่อนจะหลับไป เราจะซ้อมก่อนคร่าวๆโดย imagine ว่าพรุ่งนี้จะแต่งตัวอย่างไร จะเล่นบทไหน ถ้าเสียทีเขาแล้วนะทำอย่างไร สวดมนต์แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรด้วย บอกตัวเองว่าพรุ่งนี้ต้องพร้อม พอลืมตาตื่นมาตอนเช้า วันนั้นจะไม่เคยง่วงเหงาหาวนอนแม้จะทำตัวเลขทั้งคืนจนเกือบรุ่งสาง แต่จะสดชื่นเต็มที่อย่างวันนี้ ทำตามพลอทที่ตั้งใจเอาไว้ ได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ก็เตรียมพร้อมมาเต็มที่ แนวคิดเรื่อง "จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว" เป็นสิ่งที่เราใช้ขับเคลื่อนร่างกายให้ทำสิ่งต่างๆได้แม้ในวันที่ป่วยหงิกงอมแทบจะขอไป admit ที่โรงพยาบาล แต่กลับต้องไปประชุมสำคัญแต่เช้าไว้หาหมอเอาทีหลัง เป็นสิ่งที่เราเรียนรู้จากการเล่นกีฬาว่าศักยภาพของมนุษย์มี limit แต่ยังสามารถ go beyond ได้อีกมากกว่าที่คิดถ้าใช้ใจนำ ลองเอาไปทำกันดูแล้วจะพบว่าตัวเองสั่งตนเองได้ และจะเพิ่มประสิทธิภาพทั้งความคิดและความสามารถของตนเองได้อีกมาก
ที่จริงเราเริ่มปรับอาหารการกินเสียใหม่มาได้ราวเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว คิดว่าเป็นการเตรียมตัวสำหรับ X(treme) Diet ที่แปลว่าอาหารสุดขั้ว แต่การณ์กลับกลายเป็นว่า ผ่านไปสัปดาห์แรกก็รู้สึกสดชื่นสบายกายและใจมากขึ้น คาดว่าอาหารมีส่วนช่วยอย่างมากที่ทำให้เรารู้สึกดีและรู้สึกเบาลง น้ำหนักลดไป 1.5 kg.โดยไม่ตั้งใจ แต่ใส่เสื้อผ้าได้หลวมสบายขึ้นไม่อึดอัด เลยตั้งใจจะบอกเล่าถึงอาหารที่เรากินเป็นประจำสลับไปสลับมา อาหารพื้นๆที่ทำรับประทานเองได้อย่างง่ายๆที่บ้านนี่ล่ะ
เราเป็น Carnivore ตัวจริง ชอบกินเนื้อสัตว์ทุกชนิดโดยเฉพาะเนื้อวัวนี่ของโปรดเลยชีวิตนี้ไม่มีวันเลิกคบกันได้ เราเคารพในทุกความเชื่อของผู้ละและลดการบริโภคเนื้อสัตว์เพื่อลดกรรมและสร้างกุศล แต่บ้านเราเดินสายกลางไม่เน้นเลือกกินและกินเพื่ออยู่ไม่ได้กินเนื้อทุกวันนี่นา ไม่กินเจเห่อตามเทศกาลแต่หากใจคิดทำกุศลงดเนื้อสัตว์เมื่อใดก็ลงมือกินเจทำเองเลยตามสะดวก การกินเจงดเนื้อสัตว์ต่อเนื่องเป็นช่วงนานติดต่อกันหลายสัปดาห์เพื่อสร้างกุศลเราก็เห็นว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้าทำแล้วคิดว่าได้พักร่างกายจากสารพิษจากเนื้อเราว่าไม่ใช่มั้ง เนื้อสัตว์ทุกประเภทล้วนเป็น protein ทั้งนั้นแต่มีชั้นดีชั้นเลวแตกต่างกันและย่อยยากง่ายก็สุดแท้แต่จะเลือก แล้วการรับประทานผักผลไม้มากๆย่อมดีต่อระบบขับถ่ายและได้รับวิตามินเพิ่ม แต่เป็นกากใยที่ย่อยยากทำให้ร่างกายต้องเหนื่อยในการย่อยเพิ่มขึ้นอีกมาก การละกิจกรรมหนึ่งปุบปับที่ทำมาเนิ่นนานสลับไปง่วนกับอีกกิจกรรมหนึ่งแทน ยังไม่ใช่แนวคิดที่ยั่งยืนแบบ sustainability health ในมุมมองของเรา ถ้าคิดดูดีๆ เราสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับอาหารเนื้อสัตว์ได้อย่างมีความสุขด้วยการลดปริมาณที่เคยใส่ในแต่ละจานลงให้เหมาะสมกับวัย หรือสลับเปลี่ยนชนิดมาปรุงอาหารจะได้ไม่เบื่อ และใน 1 สัปดาห์มีหลายมื้อที่เราไม่ได้รวมเนื้อสัตว์เข้าไว้ในเมนูอาหารเลยด้วยซ้ำ
ลองย้อนไปดูว่า ใน 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา คุณทานอะไรไปบ้างในแต่ละมื้อ และเป็นปริมาณเท่าไหร่ เราเคยทำแบบนี้เพราะความอยากปรับปรุงอาหารที่ทานเข้าไป และอยากคิดคร่าวๆว่าซัด calorie เข้าไปเท่าไหร่ พอเห็น food list ของตัวเองแบบก่อนปรับแล้วต้องร้อง ไอ๊หยา อั๊วบ้ากินของพวกนี้อยู่ได้ยังไงตั้งนานแถมกินบ่อยด้วย เทคนิคการจดบันทึกของที่รับประทานเข้าไปทั้งหมดในแต่ละวันนี้ ช่วยให้เราเข้าใจแบบง่ายๆว่าเราทานอะไรเกินไปและควรเพิ่มอะไรที่ขาด เคยแนะนำให้น้องว่าที่เจ้าสาวผู้นั่งจุมปุ๊กทำงานจนดึกดื่นไม่มีเวลาออกกำลังกาย (ตามเคย) ยิ่งใกล้วันสำคัญยิ่งเครียดหันมากินยาลดน้ำหนักแบบจะหวังผลเร่งด่วน เราบอกว่าอย่ากินเลยแค่หันมาจดของที่กินเข้าไปแล้วลองปรับดูน่าจะน้ำหนักลงเองนะเลือกกินเน้นอาหาร low fat low carb กับผักผลไม้มากหน่อย ปรากฏว่า 3 สัปดาห์ผ่านไปน้องลดน้ำหนักลงได้ถึง 5 กิโลกรัมจนใส่แหวนแต่งงานหลวม และเอาเทคนิคนี้ไปเผยแพร่ให้อาม่าที่บ้านที่มีอาการข้อเข่าเสื่อมออกกำลังกายมากไม่ได้นั่งๆนอนๆอยู่แต่กับบ้านลองจดดูด้วย ได้ยินว่าอาม่าก็ร้อง ไอ๊หยา เหมือนกันแล้วรีบเปลี่ยนอาหารเสียใหม่ ทราบมาว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจลดน้ำหนักไปได้ 3 เดือน 10 kg. เดี๋ยวนี้เดินสายไปเจี๊ยะเต๊รำมวยจีนกับเพื่อนๆตามสวนลุมทุกเช้าอย่างมีความสุข
ที่สุดของกลุ่มผู้นิยมอาหารประเภทนี้คือ Fruitarian ที่รับประทานแต่ผลไม้สุกงอมเต็มที่พร้อมจะสละต้นตกลงมาเองโดยไม่ได้เกิดจากการเด็ดออกของคนเก็บผลไม้ ซึ่งคงจะหาของกินได้ยากอยู่ในยุคปัจจุบันยกเว้นคุณจะเป็นเจ้าของผลสวนผลไม้หลายชนิดที่รอให้มันผลัดกันตกลูกลงพื้นไร้นกและแมลงเจาะกินได้ทุกวัน การจะกินอาหาร Raw Food ล้วนๆจึงยากเกินไปที่จะทำได้ทุกมื้อยกเว้นคุณจะทานแต่ผลไม้สดอย่างเดียว เพราะเครื่องปรุงรสชาดให้เค็มทั้งหลายส่วนใหญ่ล้วนมาจากการหมักดองทั้งสิ้นยกเว้นเกลือ แม้อาหารใกล้เคียง Raw Food สุดจะ classic ของบ้านเราที่กินได้กินดีเช่น ส้มตำไทยหรือตำผลไม้รวม อุดมคุณค่าสารอาหารสดๆจากมะละกอ แครอท มะเขือเทศสีดา ถั่วฝักยาว หรือผลไม้รวมหั่นชิ้นพอดีคำ ผสมรวมกันคลุกกับน้ำปรุงรสใส่พริกหั่นและมะนาว แต่ถ้าจะให้รสดีสมจริงยังไงก็ต้องเติมน้ำปลา กุ้งแห้งป่น และถั่วลิสงคั่วบุบพอแตก ซึ่งเป็นของนอกคอกไม่ใช่ raw food เป็นส่วนผสมที่จำเป็นต้องใส่เพิ่มเพื่อชูรสไม่เช่นนั้นก็ทำให้อร่อยได้ยาก ดังนั้น อาหารที่มีส่วนผสมที่สดและดิบมากหน่อย แต่ไม่ใช่ Raw Food ทั้งหมดเสียทีเดียว จึงน่าจะเป็นตัวเลือกที่ช่วยเพิ่มพลังชีวิตได้ดีพอ เช่น ปลาดิบญี่ปุ่น ทั้งในรูปแบบของ Sashimi ล้วนๆ หรือ Sushi หรือข้าวปั้นสูตรต่างๆ
Hamaji in Ponzu Sauce
กินปลาดิบจิ้มกับโชยุและวาซาบิบ่อยๆก็คงเบื่อ ลองเปลี่ยนเมนูไปมาดูให้หลากหลาย เราชอบกินปลา Hamaji แล่เองชิ้นหนาเกือบครึ่งซม.แบบทำกินเองให้จุใจไม่ได้บางเจี๊ยบเหมือนร้านอาหารขี้เหนียวหั่นให้ชิ้นยาวพอดีคำ วางลงบน Ponzu Sauce ที่มีรสออกเปรี้ยวแหลมและหอมกลิ่นมะนาว (หมักดองแน่นอนที่สุด) มีขายทั่วไปตาม supermarket ชั้นนำ โรยหัวไชเท้าหั่นฝอยแบบที่เสิร์ฟมากับซูชิทั่วไป และด้วยผักโต้วเหมี่ยวต้นใหญ่สดกรอบ เมนูนี้จำเอามาจาก Four Seasons Hotel ครั้งที่เขาทำ Buffet เสิร์ฟที่ lobby เป็นเทศกาลชั่วคราวแค่สัปดาห์เดียว รสอมเปรี้ยวของซอสและความสดกรอบของผักจะช่วยเบรคความมันของเนื้อปลาที่หนาจมเขี้ยวให้รสชาดที่กลมกล่อมกำลังดี
คราวหน้าจะมาแนะนำเมนูปลาหลายแบบที่พอทำรับประทานเองง่ายๆที่บ้าน แล้วจะไม่อยากเสียสตางค์ไปกินตามร้านอีกเลยด้วยความคุ้มค่าในราคาที่จ่ายเท่ากัน
Thursday, February 7, 2013
สงคราม 25 ปี
เมื่อนึกย้อนกลับไปในอดีต เราเริ่มทำสงครามกับความอ้วนที่ตามมาราวีแบบไม่ลดละ ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะนานถึง 25 ปีตั้งแต่เพิ่งเรียนจบมัธยมกันเลยหรือนี่???
การไม่เคยอ้วนเป็นลาภอันประเสริฐ การที่เราถูกกำหนดมาโดยรหัสพันธุกรรมให้ตัวใหญ่อ้วนพีแบบตุ๊กตายางบีเบนดั้ม ที่เป็นสัญลักษณ์ประจำยี่ห้อยาง Michelin ในช่วงวัยเข้าสู่เลข 4 นำหน้าเจริญรอยตามเหล่าบรรพบุรุษหญิงของเรา มิได้เป็นอุปสรรคให้ยอมพ่ายแพ้ต่อโชดชะตา แต่กลับทำให้เราฮึดสู้แบบขี้เกียจๆ ตามประสาสาว office ที่เหนื่อยหมดแรงก่อนกลับบ้านทุกวัน ขี้เกียจแม้กระทั่งวันหยุดจะไปนอนให้หมอนวดขยำเนื้อตัวให้สบายตามสปา หรือตื่นเช้ามาวิ่งออกกำลังกายใน fitness ไปชอปปิ้งแก้เครียด หรือทำผมเผ้าให้ตัวเองดูดี ไม่มีเลย ขอนอนลูกเดียว
เมื่อสอบถามลูกน้องเก่าที่ทำงาน ส่วนใหญ่ก็เข้าสู่วัยเลข 4 เลข 5 นำหน้ากันทั้งนั้นวัยไล่เลี่ยกัน ก็พบว่าวันหยุดของแต่ละคน ล้วนต้องการพักผ่อนอยู่นิ่งๆกันชนิดไม่ไหวติง นอนนานๆตื่นสายๆ บางคนนอนยาวไปตื่นเอาหลังเที่ยง นอนดูหนังซีรี่ส์อยู่กับบ้าน นอนอ่านหนังสือเงียบๆพวกเบาสมอง ที่เคยไปสมัคร fitness ก็ไปบ้างแต่ไม่ตื่นไปแต่เช้านะขอไปบ่ายแทน ถ้ากินกลางวันอิ่มขี้เกียจแล้วก็งดออกกำลังกลัวจะจุก เปลี่ยนใจเป็นนอนหลับช่วงบ่ายแทนอีก ถ้าดูละครตอนกลางคืนเลือกที่จะนอนดูสบายๆมากกว่านั่งดู
จะเห็นได้ว่าการ"นอน" คือสิ่งเดียวกันที่ทุกคนโปรดปราน อยากทำทุกเวลาที่มีโอกาส เพื่อผ่อนคลายตัวเองจากความเครียดอันเหนื่อยล้ามาแล้วทั้งสัปดาห์ นอนหลับมากๆจะได้ฟื้นคืนกำลังวังชามาจัดการภารกิจต่างๆอย่างสดชื่นแจ่มใส เราจำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อนช่วงสามีสมัครให้ลูกเรียนดนตรี วันอาทิตย์ต้องพาไปส่งแต่เช้ารอรับกลับตามห้างกันครึ่งค่อนวันเพราะลูก 2 คนเรียนคนละเวลา มีช่วงนึงที่เราโหมงานหนักมากช่วงทำ budget เมื่อหลายปีก่อน เราแทบตื่นไปด้วยกันไม่ไหวแม้จะพักผ่อน "นอน" วันเสาร์ไปแล้วก็ตาม ร่างกายมันอ่อนล้ามากแบบยังไม่ยอมฟื้น หากถ่อสังขารแต่งตัวไปนั่งรอลูกก็จะหาที่ "นั่ง" ยาวกันจริงๆจังๆแบบไม่อยากลุกไปไหน อันแสดงถึงการหมดพลังงานแบบถ่านหมด ตามข้อตกลงกันสามีอยากให้เรียนเขาต้องรับผิดชอบไปรับส่งลูกเอง อยู่ไปๆเขาก็มีนัดไปตีกอล์ฟเรื่อย เราก็ต้องเป็นฝ่ายพาลูกไปเรียนแทน เหนื่อยบอกไม่ถูกตามด้วยบ่ายพาลูกไปเรียนกอล์ฟต่อ ซึ่งดีกับเด็กๆนะจะได้ทำกิจกรรมที่หลากหลาย แต่เราก็ค้นพบตัวเองเหมือนกันว่าการโหมงานหนักมากเกินไปโดยที่คิดว่ายังไหวอยู่เหมือนตอนสาวๆ มันทำได้แต่หมดแรงจะมาสนุกต่อกับกิจกรรมครอบครัววันหยุดที่ควรจะได้ทำอะไรด้วยกัน ตามมาด้วยการเกิดวงจรอุบาทว์คือ เช้าวันจันทร์แทบไม่อยากตื่นไปทำงานเลย
ชั่วโมงที่ต้องการนอนของแต่ละคนล้วนแตกต่างกัน แต่ควรมีคุณภาพการนอนที่ดี คือหลับลึกถึงระดับ Rapid Eye Movement (ROM) อย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงต่อเนื่อง ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายจะหลั่งสาร Growth Hormone ออกมาซ่อมสร้างร่างกาย ต่อสู้กับความเหนื่อยล้า และกระตุ้นการผลิตเซลล์ใหม่ให้แก่ชราช้าล งอีกทั้งยังเพิ่มภูมิคุ้มกันต้านทานเชื้อโรคให้ร่างกายแข็งแรง เราโชคดีที่ไม่มีปัญหาเรื่องนอนหลับเลย หัวถึงหมอนเป็นหลับยันสว่าง ถึงแม้บางคนจะนอนหลับน้อยชั่วโมงรวมแต่ถ้าชั่วโมงหลับลึกนานเพียงพอ ก็จะตื่นมาสดชื่นกระปรี้กระเปร่าพร้อมทำกิจกรรมต่างๆด้วยร่างกายที่ตื่นตัวเต็มที่ เราเคยมีช่วงที่รู้สึกว่านอนเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ ทั้งๆที่หลับสนิทดีไม่เคยมีปัญหานอนไม่หลับ กินชากาแฟไวน์น้ำอัดลมก็นอนหลับปุ๋ยสบาย ออกแนวหลับอุตุจำศีลได้ทั้งวี่ทั้งวันกันเลยเชียว การนอนจึงเป็นกิจกรรมที่่เราชื่นชอบเป็นอันดับ 2 รองจากเรื่องสรรหาของกิน แต่ 2-3 ปีหลังมานี้ จู่ๆเราก็ sensitive กับ caffeine ดื่มกาแฟธรรมดาแค่วันละแก้วก็จะตาค้างไปจนถึงหลังเที่ยงคืนเลยกว่าหลับลงได้ ชาก็เหมือนกัน กาแฟจึงเพิ่งจะมีบทบาทในการ boost พลังโดยบังคับให้ร่างกายเรา alert ตื่นตัวสู้งานในระหว่างวันจนหากขาดการดื่มสักแก้วยามบ่ายที่คุ้นเคยเมื่อไหร่เป็นได้ง่วงหาวอ่อนเพลียทันใด แม้จะทำให้ตาค้างจนดึกดื่นก็ยอม
ที่จริงถ้าเราใส่ใจฟังความต้องการของร่างกายสักนิด เราก็ควรจะสังหรณ์ใจได้ว่าร่างกายกำลังฟ้องออกมาเรื่อยๆว่า ชั้นไม่ไหวแล้วนะ ช่วยชั้นด้วย อาหารการกินดีอยู่ดีของเราเกิดขึ้นในยามที่มีเวลา cooking หรือออกไปทานนอกบ้าน แต่ช่วงวันทำงานเป็นจัดซื้อใหญ่ของห้าง อาหารกลางวันเราที่ชอบเรียกเอาเองว่า Executive Lunch คืออาหารที่เร่งรีบยิ่งกว่า fastfood เป็นอะไรก็ได้ที่ grab & go เพราะเราไม่เคยมีเวลาออกไปเดินเล่นตลาดนัดฝั่งตรงข้ามห้าง หรือออกไปกินข้าวเรื่อยเฉื่อยนอกตึกกลับมาทำงานบ่ายสายๆหน่อย เรามักติดประชุมยาวเกินเวลาพักกลางวัน แล้วมีประชุมต่อมาจ่อรอตอนบ่ายแล้ว คิวแน่นตลอดแบบเสร็จจากห้องนี้ก็วิ่งต่อเข้าห้องนั้น มักเหลือเวลากินแค่ครึ่งชม. มีประชุมอย่างน้อยกับร้านค้า 4 เจ้าทุกวันไม่นับ internal meeting อีก ถึงในห้างจะมีอาหารมากมาย แต่น้อยครั้งมากที่เราจะไปนั่งทานในร้านแบบ meal เป็นจานๆ เราฝากชีวิตไว้กับชานมเย็น ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ปอเปี๊ยะสดเวียดนามแบบเป็นคำๆ หรือ sushi & sashimi ที่กินได้อย่างรวดเร็ว ภาพเรางับอาหารอย่างแทบจะไม่ได้เคี้ยวให้ละเอียดแล้วกลืนลงท้องไปโดยกรอกเครื่องดื่มหวานๆตามเข้าไปตบท้าย และป้า maid ชงกาแฟเย็นส่งประเคนในห้องประชุมให้เราทุกบ่าย 3 โมง เป็นภาพที่เลขาเราสงสารแกมห่วงใยเสมอว่าคุณพี่ทำไมอึดอย่างนี้ใช้ชีวิตทำงานมากไปรึเปล่านี่ เวลาเราป่วยทีไรก็จะป่วยหนักๆและนานเลยกว่าจะหาย จากที่เคยทู่ซี้มาทำงานได้ทั้งๆที่ป่วย เลยต้องกลายเป็นลาพักขาดงานจะทำให้หายเร็วกว่าจากการได้หยุดพักผ่อน การประชุมแบบ never-ending story ตลอดทุกวันทั้งปีทั้งชาติ ทำให้เรานั่งทั้งวัน กินอาหารทั้งหวานทั้งมันไม่หลากหลายและไม่มีคุณภาพ ชีวิตที่เคร่งเครียดจัดเนิ่นนานจนชินชาและการกินอาหารกลางวันที่ไม่ถูกสุขลักษณะผิดทุกทฤษฎี ทำให้เราเจ็บป่วยอ่อนล้าจากการไม่รู้จักดูแลตัวเอง เมื่อเราผ่านการตัดมดลูกไปแล้ว ก็พบว่าตัวเองมีผมหงอกเกิดขึ้นมากพร้อมๆกันอย่างผิดสังเกตุแบบข้ามคืนและยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เหล่านี้เป็นสัญญาณที่ร่างกาย signal ถึงความชราภาพว่าวัยเราร่างกายถึงจุดที่เริ่มเสื่อมถอยลดประสิทธิภาพจริงๆแล้วสินี่ จึงเริ่มหันมาใส่ใจอาหารการกินอย่างจริงจัง ยิ่งอ่านมาก ก็ยิ่งพบว่ามีทฤษฎีต่างๆที่น่าสนใจมากมาย เป็นความรู้เพื่อให้แง่คิดถึงการกินอยู่แต่พอเพียงและไม่ประมาท เราเลือกเอามาปฏิบัติผสมกันอย่างละนิดละหน่อยตามแบบที่เราเห็นสมควร เมื่อถึงวัยหนึ่งเราก็ควรสนใจฟังความต้องการของร่างกายตัวเองแต่เนิ่นๆ อย่ารอให้เป็นมากจนรุมเร้าหลายโรคเอาเมื่อสายเกินแก้เอาแต่ผ่าตัดอวัยวะทิ้งไปเลยให้หายแบบเรา
คำว่า "ว่าจะไป" ออกกำลังกาย กลายเป็นเรื่องธรรมดาของสาวๆออฟฟิศที่มีข้ออ้างเสมอ ทำให้วันนั้นไม่เคยมาถึง หรือนานๆทีทั้งๆที่อุตส่าห์หา fitness ใกล้ที่ทำงานเดินไปได้ 10 นาที ก็ยังหาข้ออ้างจากความขี้เกียจและเหนื่อยล้าบ่ายเบี่ยงได้เสมอ ในเมื่อใจอยากแต่ขี้เกียจมาก ทำให้เราแสวงหาทางลัดในการลดสัดส่วนแต่ไม่ได้สนใจว่าน้ำหนักจะตัองลงฮวบฮาบ โดยการไปซื้อ package การทำ treatment คู่กันของ Carboxy และ Tripolar ราว 2 ปีก่อน ราคาเอาเรื่องอยู่ และปรากฏผลเป็นที่น่าพอใจมากเมื่อทำควบคู่กัน Carboxy เป็นการฉีดเอาสาร Co2 เข้าใต้ผิวหนังเพื่อทำปฏิกิริยาเคมีกับไขมันรวมตัวกับสลายพันธะและถูกขับออกมาทางปัสสาวะ ส่วน Tripolar เป็นการใช้คลื่นไฟฟ้าความถี่สูงนวดเบาๆบนผิวหนังจะรู้สึกร้อนแต่อุ่นสบาย ทำให้ไขมันใต้ผิวหนังแตกตัวและสลายไปตามระบบหมุนเวียนขับออกมาทางปัสสาวะเช่นกัน Tripolar ยังช่วยกระชับผิวหนังชั้น Dermis ให้เต่งตึงขึ้นได้ จึงช่วนให้ผิวกระชับขึ้นและช่วยแก้ปัญหา Cellulite อย่างเห็นผลรวดเร็ว เราฉีด Carboxy ที่หลังช่วงบนกับต้นแขน เจ็บทรมานมากทุกครั้งไม่อยากแนะนำให้ใครเจ็บตัวโง่ๆแบบเรา แต่เห็นผลดีรวดเร็วถ้าไปทำสม่ำเสมอสักอาทิตย์ละ 3 ครั้งนะใช้เวลาเพียงครู่เดียวไม่เกิน 5 นาทีต่อบริเวณ ถ้าทนเจ็บได้มากก็จะสามารถฉีด Co2 เข้าไปใต้ผิวหนังได้ปริมาณมากก็จะลดไขมันลงได้มาก ขึ้นอยู่กับความอึดของแต่ละคน ด้วยความใจสู้บวกกับเป็นนักกีฬาเก่าหมอบอกว่าเราทนความเจ็บปวดได้มากกว่าคนทั่วไปมากจนแกจำชื่อได้ตั้งแต่ครั้งแรกๆที่ทำ ส่วน Tripolar เราทำที่ช่วงเอว สะโพกและหน้าท้อง มีอุปกรณ์ไฟฟ้านวดคลึงเบาๆบนผิวให้รู้สึกร้อนๆสบายดีใช้เวลาที่ละ 20 นาที ทำทีนึงใช้เวลาเกือบ 2 ชม.กว่าจะเสร็จ ผิวหนังกระชับและแข็งแรงขึ้น ไขมันที่พอกก็ลดลงได้จริงๆด้วย สัดส่วนลดลงแต่น้ำหนักไม่ลดก็เอาแล้ว ใส่เสื้อผ้าได้สบายขึ้น
การทำสงครามกับความอ้วนอย่างลองผิดลองถูกชนิดเปลี่ยนวิธีไปเรื่อยๆนานเกืนกว่าครึ่งชีวิตของตัวเรามาถึงจุดผกผันที่ต้องเลิกหมด เมื่อเราต้องย้ายครอบครัวไปอยู่ในต่างแดนแบบเร่งด่วน ทำให้คอร์สต่างๆยังคงค้างเติ่งอยู่ใช้ไม่หมด เมื่อย้ายไปอยู่ในคอนโดที่พื้นที่จำกัด แถมยังต้องนั่งรถไปรับส่งลูกที่โรงเรียนวันละเกือบ 5 ชม.ทุกวัน ทำให้เราเริ่มเป็นห่วงสุขภาพร่างกายตัวเองนักเพราะต้องนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานานๆตลอด เลยหันมาหาวิธีใส่ใจวิธีดูแลตัวเองแบบบ้านๆและทำได้ง่ายๆ เราเป็นคนไม่ชอบออกกำลังกายในยิมเลย ไม่ชอบการใช้อุปกรณ์อยู่กับที่ สู้ออกไปเล่นกีฬากลางแจ้งกันเลยดีกว่า แต่วัยนี้ใครจะมาเล่นด้วยอายุออกปูนนี้แล้ว เราพยายามไปว่ายน้ำแต่กลางวันก็มีแดดจ้ามากที่สระกลัวเป็นกระฝ้าที่มีทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนกลางคืนหลังสอนการบ้านลูกและดูแลเรื่องอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะไปว่ายน้ำตอนกลางคืนก็ปรากฏว่าน้ำเย็นเจี๊ยบจน chill จากลมแรงบนยอดตึก กลับขึ้นมาก็มักจะเป็นหวัดอีก เราก็กลับมามีข้ออ้างให้ไปว่ายน้ำได้ไม่บ่อยอีก สุดท้ายจึงต้องหันมาเริ่มจากสิ่งที่ง่ายที่สุดแต่ทำยากมากสำหรับเรา นั่นคือการจำกัดและเลือกสรรอาหารที่กินเข้าไปด้วยมุมมองที่แตกต่าง เน้นแบบเพื่อสุขภาพเป็นหลักแต่ยังคงความอร่อยซึ่งเป็นปัจจัยหลักแห่งความสุขที่เราคุ้นเคย
เราเริ่มแสวงหาความรู้เรื่องอาหารและสุขภาพอย่างจริงจังมากขึ้น เพื่อศึกษาว่าเราควรและไม่ควรกินอะไรในชีวิตประจำวัน นอกเหนือจากงานอดิเรกในการสะสม cook book เล่มสวยๆจากร้านอาหารและปรมจารย์ Three-star Michelin และเอามาลองหัดทำเมนูพิเศษเล่นๆในวันว่าง ในยุคที่อาหารชีวจิตรุ่งเรือง เราอ่านหนังสือแนวทางการปรุงอาหารเพื่อสุขภาพ แต่อาหารชีวจิตมีการเน้นผักและถั่วงามากเพื่อเสริมโปรตีนทดแทนเนื้อสัตว์อันเป็นอาหารโปรดของเรา เคยทดลองแค่ 4-5 มื้อก็บอกลา มันออกแนวกินผักหญ้ามากเกินไปทำให้เราขาดความสุขจากอรรถรสของการรับประทานซึ่่งเราเชื่อว่าดีเพียงแต่ไม่เหมาะกับเรา เคยสนใจเรื่องอาหารล้างพิษและการสวนเพื่อ detox เอาของเสียในร่างกายออกทั้งแบบน้ำเปล่าและกาแฟ แต่ใจไม่กล้าพอจะลองอีกทั้งเพื่อนหมอและพี่ชายที่เป็นหมอก็สุดจะ discourage ด้วยการบอกว่าจู่ๆทำไมมนุษย์เราจึงคิดเร่งกระบวนการระบายของเสียตามธรรมชาติออกจากร่างกายโดยใส่อะไรเข้าไปทางที่มันออกมา อาหารเครื่องเทศแนวอายุรเวทที่ช่วยกระตุ้นให้ระบบไหลเวียนทั่วร่างทำงานเป็นปกติ สมุนไพรชงน้ำดื่มเพื่อลดและกระตุ้นการทำงานของอวัยวะต่างๆ การกินอาหารให้เหมาะสมตามกรุ๊ปเลือด อาหาร Raw Food ที่เสมือนบริโภคพลังชีวิตสดๆจากอาหารเข้าไปเพิ่มพลังในร่างกาย อาหาร low carb high fiber อาหารเพิ่มพลังหยินหยาง อาหารที่กินแล้วชะลอวัยคืนความเป็นหนุ่มสาวให้กับเซลล์ อาหาร macrobiotics ที่ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย อาหารฤทธิ์ร้อนและฤทธิ์เย็น ประโยชน์และโทษของชา กาแฟ และไวน์ โอโห!ยิ่งอ่านมากก็ยิ่งพบว่า เรื่องกินนี่มันเรื่องใหญ่ระดับโลกกว่าที่เราเคยคิดเอาไว้ ทฤษฎีมากมายแบบนานาจิตตังบ้างก็ตรงกันบ้างก็ขัดแย้งกัน เราแค่ต้องการจะหาแนวคิดที่เหมาะกับความต้องการดูแลสุขภาพแบบง่ายๆทำกินเองได้ที่บ้าน ให้สุขภาพแข็งแรงดี ทำให้แก่ช้าผิวพรรณสวยงาม และสุขกายสบายใจเท่านั้น สุดท้ายคงต้องผสมผสานหลายทฤษฎีเหมือนกับการปรุงอาหารหยิบโน่นนิดใส่นี่หน่อย ปรับแต่งเป็นสูตรอาหารตามที่เราเลือกจะเชื่อว่าดีและเหมาะกับตัวเรา
เริ่มจากเครื่องปรุงพื้นฐานในครัว ที่เราใช้ประจำคือซีอิ๊วขาวเห็ดหอมแทนน้ำปลาที่เลิกกินในบ้านมาหลายสิบปีเนื่องจากไม่ชอบกลิ่นแรงและคาว ซีอิ๊วเป็น 1 ใน 5 อาหารที่มีวิจัยของอเมริกาพบว่าทำให้คนเราแก่ชราช้าลงเมื่อบริโภคเป็นประจำ รองจากเต้าหู้ กิมจิ และปลาทะเล ซีอิ๊วขาวเห็ดหอมที่เราใช้จะใส่ในผัดส่วนใหญ่ ในน้ำแกงบ้างแต่จะทำให้น้ำสีออกเข้มขึ้นด้วย ถ้าต้องการแบบน้ำใสสีสวยเราจะใช้เกลือเป็นหลัก เดี๋ยวนี้ใช้แต่เกลือ sea salt แทนการใช้เกลือป่่นสีขาวที่วางขายทั่วไป เนื่องจากอ่านเจอครั้งนึงพบว่า เกลือทะเลให้ความเค็มได้มากกว่าในปริมาณที่ใช้น้อยกว่า อีกทั้งมีค่า pH ใกล้เคียงกับโลหิตของมนุษย์จึงถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างพอเหมาะไม่รบกวนสมดุลย์กรดด่างของเซลล์มากเกินไปอย่างเกลือที่ผ่านกระบวนการขัดสีและเติมไอโอดีน อีกทั้งยังสามารถบริโภคได้อย่างปลอดภัยต่อสุขภาพเหมาะสำหรับคนป่วยโรคไตที่ต้องงดเกลือโดยสินเชิงแต่สามารถรับประทานเกลือทะเลใส่ในอาหารได้เล็กน้อยโดยไม่เกิดโทษต่อร่างกาย คนที่มีปัญหาความดันโลหิตสูงก็ต้องลดอาหารเค็มลง การบริโภคเกลือทะเลกลับไม่มีผลกระทบให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
น้ำมันที่ใช้ปรุงอาหารในบ้านเป็นการปฏิวัติครั้งใหญ่ น้ำมันถั่วเหลืองที่เคยใช้นานปีถูกกวาดทิ้งตกกระป๋องไป เมื่อเห็นชาร์ต compare ไขมันดี HDL และไขมันตัวร้าย LDL ในน้ำมันพืชและสัตว์แต่ละประเภท ปัจจุบันถ้าปรุงอาหารผัดทอดที่สุกง่ายและเร็วเราจะใช้น้ำมันมะกอก แบบธรรมดาก็พอ ส่วน Extra virgin olive oil เหมาะสำหรับปรุงอาหารที่จะรับประทานสดและต้องการ induce flavor ออกมาเช่น สลัดและน้ำสลัดต่างๆ กระบวนการหีบเย็นหลายครั้งที่ใช้ในการผลิตน้ำมันมะกอกแบบนี้จะทำให้รักษารสชาดความหอมละมุนเอาไว้ได้มากที่สุด ถ้าต้องปรุงอาหารแบบผัดทอดเป็นเวลานาน เราจะใช้น้ำมัน Canola Oil ที่อุดมไปด้วยไขมันตัวดีอัดแน่นยิ่งกว่าน้ำมันรำข้าว น้ำมันพืชทั้ง 2 ชนิดนี้คือสุดยอดน้ำมันดีต่อสุขภาพ ชนิดที่หนังสือหลายเล่มยังบอกว่า คนเราควรเทมากินเล่นวันละ 2 ช้อนโต๊ะเพื่อสุขภาพ แต่เทรนด์ที่เห็นวันนี้คือบรรดา Hi-so สูงวัยหันมานิยมใช้น้ำมันมะพร้าวทาผิวและชะโลมผมทั้งประหยัดและดี ซึ่งก็ดีจริงนะ แต่ที่เอามากรอกใส่ปากวันละ 2 ช้อนโต๊ะเหมือนกันนี่มันไม่ใช่เลย น้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วย LDL ไขมันตัวร้ายมากกว่า 66% การกินสดๆเป็นประจำทุกวันโดยเชืื่อที่เขาเล่าว่า จะทำให้ยิ่งอ้วนเอาๆและ cholesterol สูงอย่างรวดเร็วเป็นการฆ่าตัวตายผ่อนส่งแบบวันละเล็กละน้อยเลยน่ากลัวนัก
เครื่องปรุงหลักติดครัวอีกอย่างคือพริกป่น ทั้งพริกไทยขาวป่นสำหรับใส่กับอาหารไทยและจีน พริกไทยดำป่นไว้ใส่อาหารฝรั่งและจีน พริกเม็ด 3 สีไว้บด crush ลงบนอาหารฝรั่งและสลัด พริกชี้ฟ้าแดงป่นสำหรับใส่อาหารไทย พริกป่น Paprika สำหรับใส่ในอาหารฝรั่งบางชนิด พริกนานาชนิดถือเป็นเครื่องเทศเพิ่มความร้อนแรง เพิ่มพลังชี่เติมเชื้อไฟให้ร่างกายอบอุ่นและกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต มีวิตามีน C สูง และ Capsaicin ที่สร้างความเผ็ดร้อนมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคและกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย การใส่ปรุงพริกไทยป่นในอาหารอย่างเหมาะสมจะได้ประโยชน์และความเผ็ดร้อนหอมอร่อยแม้ใช้เพียงปริมาณเล็กน้อยมาก
อีกอย่างที่มีติดบ้านประจำ คือกระดูกหมูเอาไว้ต้มน้ำแกงหอมอร่อย ทำหม้อใหญ่ทีเดียวใส่เกลือนิดหน่อยและรากผักชีทุบเล็กน้อย รอให้เย็นลงแล้วเทใส่ ice tray ใส่ช่องแข็ง freezer ไว้สำหรับทะยอยเอาออกมาใช้ได้ตามวิธีเก็บน้ำ stock ของฝรั่ง พอน้ำแข็งดีแล้วเราจะเอา zip lock ใหญ่สวมทับ ice tray อีกทีเพื่อไม่ให้น้ำซุประเหยแห้งไปตามความเย็นจัดของ freezer บ่อยครั้งที่เราผัดผักใช้น้ำแกงแทนน้ำมันถ้าทำผัดแบบไม่ใส่กระเทียม เอามาผสมซีอิ๊วขาวเวลาทำซอสนึ่งปลา และเอามาละลายใส่พวกหมูหรือไก่เวลารวนในกระทะแบบขลุกขลิกเช่น เวลาจะทำลาบหรือหลน เขาว่ากันว่าคนที่มี cholesterol สูงไม่ควรรับประทานน้ำซุปกระดูกหมูมาก แต่บ้านเรากินประจำ ทั้งแม่ทั้งลูกดื่มน้ำมากและชอบทานน้ำแกงและซุปข้นผักฝรั่งสารพัด น้ำซุปไก่จะเอาไว้ทำซุปฝรั่งประเภทฟักทอง มะเขือเทศ spinach broccoli ใส่ชีส cauliflower ข้าวโพด เห็ด carrot & orange ถ้าเป็นซุปเนื้อจะเอาไว้ทำ onion soup และกูลาช ซุปปลาเราไม่ค่อยทำยกเว้นจะทำ seafood soup แบบ italian กับน้ำแกงใสแนวหัวปลาหม้อไฟ
ว่าจะเล่าเรื่อง target เรายังไม่ถอดใจยอมยกธงขาวเรื่องลดน้ำหนัก รบกันมาตั้งนานเรื่องอะไรจะยอมแพ้ง่ายๆ ที่จริงแล้วอยากให้มันเป็น by product ของการมีสุขภาพดีมากกว่า แต่สุขภาพดีนั้นวัดเป็น Improvement KPI ได้ยากเย็นนอกจากจะไปตรวจร่างกายแบบ full package เทียบก่อนและหลังให้เห็นค่าตัวเลขกันเลย Stephen Covey บอกไว้ว่าคนเราต้องชนะใน private victory เสียก่อนจึงจะสามารถเอาชนะเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่าแบบ public victory ได้ เราก็จะเริ่มจากเป้าหมายลดน้ำหนักอันท้าทายสำหรับวัย metabolism drop อย่างเราด้วยความหวังที่จะลดให้ได้ 5 kg. ต่อเดือน พอลุ้นได้ไม่มากไม่น้อยเกินไปเริ่มต้นปฏิบัติตัวใหม่ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เลย
การไม่เคยอ้วนเป็นลาภอันประเสริฐ การที่เราถูกกำหนดมาโดยรหัสพันธุกรรมให้ตัวใหญ่อ้วนพีแบบตุ๊กตายางบีเบนดั้ม ที่เป็นสัญลักษณ์ประจำยี่ห้อยาง Michelin ในช่วงวัยเข้าสู่เลข 4 นำหน้าเจริญรอยตามเหล่าบรรพบุรุษหญิงของเรา มิได้เป็นอุปสรรคให้ยอมพ่ายแพ้ต่อโชดชะตา แต่กลับทำให้เราฮึดสู้แบบขี้เกียจๆ ตามประสาสาว office ที่เหนื่อยหมดแรงก่อนกลับบ้านทุกวัน ขี้เกียจแม้กระทั่งวันหยุดจะไปนอนให้หมอนวดขยำเนื้อตัวให้สบายตามสปา หรือตื่นเช้ามาวิ่งออกกำลังกายใน fitness ไปชอปปิ้งแก้เครียด หรือทำผมเผ้าให้ตัวเองดูดี ไม่มีเลย ขอนอนลูกเดียว
เมื่อสอบถามลูกน้องเก่าที่ทำงาน ส่วนใหญ่ก็เข้าสู่วัยเลข 4 เลข 5 นำหน้ากันทั้งนั้นวัยไล่เลี่ยกัน ก็พบว่าวันหยุดของแต่ละคน ล้วนต้องการพักผ่อนอยู่นิ่งๆกันชนิดไม่ไหวติง นอนนานๆตื่นสายๆ บางคนนอนยาวไปตื่นเอาหลังเที่ยง นอนดูหนังซีรี่ส์อยู่กับบ้าน นอนอ่านหนังสือเงียบๆพวกเบาสมอง ที่เคยไปสมัคร fitness ก็ไปบ้างแต่ไม่ตื่นไปแต่เช้านะขอไปบ่ายแทน ถ้ากินกลางวันอิ่มขี้เกียจแล้วก็งดออกกำลังกลัวจะจุก เปลี่ยนใจเป็นนอนหลับช่วงบ่ายแทนอีก ถ้าดูละครตอนกลางคืนเลือกที่จะนอนดูสบายๆมากกว่านั่งดู
จะเห็นได้ว่าการ"นอน" คือสิ่งเดียวกันที่ทุกคนโปรดปราน อยากทำทุกเวลาที่มีโอกาส เพื่อผ่อนคลายตัวเองจากความเครียดอันเหนื่อยล้ามาแล้วทั้งสัปดาห์ นอนหลับมากๆจะได้ฟื้นคืนกำลังวังชามาจัดการภารกิจต่างๆอย่างสดชื่นแจ่มใส เราจำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อนช่วงสามีสมัครให้ลูกเรียนดนตรี วันอาทิตย์ต้องพาไปส่งแต่เช้ารอรับกลับตามห้างกันครึ่งค่อนวันเพราะลูก 2 คนเรียนคนละเวลา มีช่วงนึงที่เราโหมงานหนักมากช่วงทำ budget เมื่อหลายปีก่อน เราแทบตื่นไปด้วยกันไม่ไหวแม้จะพักผ่อน "นอน" วันเสาร์ไปแล้วก็ตาม ร่างกายมันอ่อนล้ามากแบบยังไม่ยอมฟื้น หากถ่อสังขารแต่งตัวไปนั่งรอลูกก็จะหาที่ "นั่ง" ยาวกันจริงๆจังๆแบบไม่อยากลุกไปไหน อันแสดงถึงการหมดพลังงานแบบถ่านหมด ตามข้อตกลงกันสามีอยากให้เรียนเขาต้องรับผิดชอบไปรับส่งลูกเอง อยู่ไปๆเขาก็มีนัดไปตีกอล์ฟเรื่อย เราก็ต้องเป็นฝ่ายพาลูกไปเรียนแทน เหนื่อยบอกไม่ถูกตามด้วยบ่ายพาลูกไปเรียนกอล์ฟต่อ ซึ่งดีกับเด็กๆนะจะได้ทำกิจกรรมที่หลากหลาย แต่เราก็ค้นพบตัวเองเหมือนกันว่าการโหมงานหนักมากเกินไปโดยที่คิดว่ายังไหวอยู่เหมือนตอนสาวๆ มันทำได้แต่หมดแรงจะมาสนุกต่อกับกิจกรรมครอบครัววันหยุดที่ควรจะได้ทำอะไรด้วยกัน ตามมาด้วยการเกิดวงจรอุบาทว์คือ เช้าวันจันทร์แทบไม่อยากตื่นไปทำงานเลย
ชั่วโมงที่ต้องการนอนของแต่ละคนล้วนแตกต่างกัน แต่ควรมีคุณภาพการนอนที่ดี คือหลับลึกถึงระดับ Rapid Eye Movement (ROM) อย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงต่อเนื่อง ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายจะหลั่งสาร Growth Hormone ออกมาซ่อมสร้างร่างกาย ต่อสู้กับความเหนื่อยล้า และกระตุ้นการผลิตเซลล์ใหม่ให้แก่ชราช้าล งอีกทั้งยังเพิ่มภูมิคุ้มกันต้านทานเชื้อโรคให้ร่างกายแข็งแรง เราโชคดีที่ไม่มีปัญหาเรื่องนอนหลับเลย หัวถึงหมอนเป็นหลับยันสว่าง ถึงแม้บางคนจะนอนหลับน้อยชั่วโมงรวมแต่ถ้าชั่วโมงหลับลึกนานเพียงพอ ก็จะตื่นมาสดชื่นกระปรี้กระเปร่าพร้อมทำกิจกรรมต่างๆด้วยร่างกายที่ตื่นตัวเต็มที่ เราเคยมีช่วงที่รู้สึกว่านอนเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ ทั้งๆที่หลับสนิทดีไม่เคยมีปัญหานอนไม่หลับ กินชากาแฟไวน์น้ำอัดลมก็นอนหลับปุ๋ยสบาย ออกแนวหลับอุตุจำศีลได้ทั้งวี่ทั้งวันกันเลยเชียว การนอนจึงเป็นกิจกรรมที่่เราชื่นชอบเป็นอันดับ 2 รองจากเรื่องสรรหาของกิน แต่ 2-3 ปีหลังมานี้ จู่ๆเราก็ sensitive กับ caffeine ดื่มกาแฟธรรมดาแค่วันละแก้วก็จะตาค้างไปจนถึงหลังเที่ยงคืนเลยกว่าหลับลงได้ ชาก็เหมือนกัน กาแฟจึงเพิ่งจะมีบทบาทในการ boost พลังโดยบังคับให้ร่างกายเรา alert ตื่นตัวสู้งานในระหว่างวันจนหากขาดการดื่มสักแก้วยามบ่ายที่คุ้นเคยเมื่อไหร่เป็นได้ง่วงหาวอ่อนเพลียทันใด แม้จะทำให้ตาค้างจนดึกดื่นก็ยอม
ที่จริงถ้าเราใส่ใจฟังความต้องการของร่างกายสักนิด เราก็ควรจะสังหรณ์ใจได้ว่าร่างกายกำลังฟ้องออกมาเรื่อยๆว่า ชั้นไม่ไหวแล้วนะ ช่วยชั้นด้วย อาหารการกินดีอยู่ดีของเราเกิดขึ้นในยามที่มีเวลา cooking หรือออกไปทานนอกบ้าน แต่ช่วงวันทำงานเป็นจัดซื้อใหญ่ของห้าง อาหารกลางวันเราที่ชอบเรียกเอาเองว่า Executive Lunch คืออาหารที่เร่งรีบยิ่งกว่า fastfood เป็นอะไรก็ได้ที่ grab & go เพราะเราไม่เคยมีเวลาออกไปเดินเล่นตลาดนัดฝั่งตรงข้ามห้าง หรือออกไปกินข้าวเรื่อยเฉื่อยนอกตึกกลับมาทำงานบ่ายสายๆหน่อย เรามักติดประชุมยาวเกินเวลาพักกลางวัน แล้วมีประชุมต่อมาจ่อรอตอนบ่ายแล้ว คิวแน่นตลอดแบบเสร็จจากห้องนี้ก็วิ่งต่อเข้าห้องนั้น มักเหลือเวลากินแค่ครึ่งชม. มีประชุมอย่างน้อยกับร้านค้า 4 เจ้าทุกวันไม่นับ internal meeting อีก ถึงในห้างจะมีอาหารมากมาย แต่น้อยครั้งมากที่เราจะไปนั่งทานในร้านแบบ meal เป็นจานๆ เราฝากชีวิตไว้กับชานมเย็น ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ปอเปี๊ยะสดเวียดนามแบบเป็นคำๆ หรือ sushi & sashimi ที่กินได้อย่างรวดเร็ว ภาพเรางับอาหารอย่างแทบจะไม่ได้เคี้ยวให้ละเอียดแล้วกลืนลงท้องไปโดยกรอกเครื่องดื่มหวานๆตามเข้าไปตบท้าย และป้า maid ชงกาแฟเย็นส่งประเคนในห้องประชุมให้เราทุกบ่าย 3 โมง เป็นภาพที่เลขาเราสงสารแกมห่วงใยเสมอว่าคุณพี่ทำไมอึดอย่างนี้ใช้ชีวิตทำงานมากไปรึเปล่านี่ เวลาเราป่วยทีไรก็จะป่วยหนักๆและนานเลยกว่าจะหาย จากที่เคยทู่ซี้มาทำงานได้ทั้งๆที่ป่วย เลยต้องกลายเป็นลาพักขาดงานจะทำให้หายเร็วกว่าจากการได้หยุดพักผ่อน การประชุมแบบ never-ending story ตลอดทุกวันทั้งปีทั้งชาติ ทำให้เรานั่งทั้งวัน กินอาหารทั้งหวานทั้งมันไม่หลากหลายและไม่มีคุณภาพ ชีวิตที่เคร่งเครียดจัดเนิ่นนานจนชินชาและการกินอาหารกลางวันที่ไม่ถูกสุขลักษณะผิดทุกทฤษฎี ทำให้เราเจ็บป่วยอ่อนล้าจากการไม่รู้จักดูแลตัวเอง เมื่อเราผ่านการตัดมดลูกไปแล้ว ก็พบว่าตัวเองมีผมหงอกเกิดขึ้นมากพร้อมๆกันอย่างผิดสังเกตุแบบข้ามคืนและยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เหล่านี้เป็นสัญญาณที่ร่างกาย signal ถึงความชราภาพว่าวัยเราร่างกายถึงจุดที่เริ่มเสื่อมถอยลดประสิทธิภาพจริงๆแล้วสินี่ จึงเริ่มหันมาใส่ใจอาหารการกินอย่างจริงจัง ยิ่งอ่านมาก ก็ยิ่งพบว่ามีทฤษฎีต่างๆที่น่าสนใจมากมาย เป็นความรู้เพื่อให้แง่คิดถึงการกินอยู่แต่พอเพียงและไม่ประมาท เราเลือกเอามาปฏิบัติผสมกันอย่างละนิดละหน่อยตามแบบที่เราเห็นสมควร เมื่อถึงวัยหนึ่งเราก็ควรสนใจฟังความต้องการของร่างกายตัวเองแต่เนิ่นๆ อย่ารอให้เป็นมากจนรุมเร้าหลายโรคเอาเมื่อสายเกินแก้เอาแต่ผ่าตัดอวัยวะทิ้งไปเลยให้หายแบบเรา
คำว่า "ว่าจะไป" ออกกำลังกาย กลายเป็นเรื่องธรรมดาของสาวๆออฟฟิศที่มีข้ออ้างเสมอ ทำให้วันนั้นไม่เคยมาถึง หรือนานๆทีทั้งๆที่อุตส่าห์หา fitness ใกล้ที่ทำงานเดินไปได้ 10 นาที ก็ยังหาข้ออ้างจากความขี้เกียจและเหนื่อยล้าบ่ายเบี่ยงได้เสมอ ในเมื่อใจอยากแต่ขี้เกียจมาก ทำให้เราแสวงหาทางลัดในการลดสัดส่วนแต่ไม่ได้สนใจว่าน้ำหนักจะตัองลงฮวบฮาบ โดยการไปซื้อ package การทำ treatment คู่กันของ Carboxy และ Tripolar ราว 2 ปีก่อน ราคาเอาเรื่องอยู่ และปรากฏผลเป็นที่น่าพอใจมากเมื่อทำควบคู่กัน Carboxy เป็นการฉีดเอาสาร Co2 เข้าใต้ผิวหนังเพื่อทำปฏิกิริยาเคมีกับไขมันรวมตัวกับสลายพันธะและถูกขับออกมาทางปัสสาวะ ส่วน Tripolar เป็นการใช้คลื่นไฟฟ้าความถี่สูงนวดเบาๆบนผิวหนังจะรู้สึกร้อนแต่อุ่นสบาย ทำให้ไขมันใต้ผิวหนังแตกตัวและสลายไปตามระบบหมุนเวียนขับออกมาทางปัสสาวะเช่นกัน Tripolar ยังช่วยกระชับผิวหนังชั้น Dermis ให้เต่งตึงขึ้นได้ จึงช่วนให้ผิวกระชับขึ้นและช่วยแก้ปัญหา Cellulite อย่างเห็นผลรวดเร็ว เราฉีด Carboxy ที่หลังช่วงบนกับต้นแขน เจ็บทรมานมากทุกครั้งไม่อยากแนะนำให้ใครเจ็บตัวโง่ๆแบบเรา แต่เห็นผลดีรวดเร็วถ้าไปทำสม่ำเสมอสักอาทิตย์ละ 3 ครั้งนะใช้เวลาเพียงครู่เดียวไม่เกิน 5 นาทีต่อบริเวณ ถ้าทนเจ็บได้มากก็จะสามารถฉีด Co2 เข้าไปใต้ผิวหนังได้ปริมาณมากก็จะลดไขมันลงได้มาก ขึ้นอยู่กับความอึดของแต่ละคน ด้วยความใจสู้บวกกับเป็นนักกีฬาเก่าหมอบอกว่าเราทนความเจ็บปวดได้มากกว่าคนทั่วไปมากจนแกจำชื่อได้ตั้งแต่ครั้งแรกๆที่ทำ ส่วน Tripolar เราทำที่ช่วงเอว สะโพกและหน้าท้อง มีอุปกรณ์ไฟฟ้านวดคลึงเบาๆบนผิวให้รู้สึกร้อนๆสบายดีใช้เวลาที่ละ 20 นาที ทำทีนึงใช้เวลาเกือบ 2 ชม.กว่าจะเสร็จ ผิวหนังกระชับและแข็งแรงขึ้น ไขมันที่พอกก็ลดลงได้จริงๆด้วย สัดส่วนลดลงแต่น้ำหนักไม่ลดก็เอาแล้ว ใส่เสื้อผ้าได้สบายขึ้น
การทำสงครามกับความอ้วนอย่างลองผิดลองถูกชนิดเปลี่ยนวิธีไปเรื่อยๆนานเกืนกว่าครึ่งชีวิตของตัวเรามาถึงจุดผกผันที่ต้องเลิกหมด เมื่อเราต้องย้ายครอบครัวไปอยู่ในต่างแดนแบบเร่งด่วน ทำให้คอร์สต่างๆยังคงค้างเติ่งอยู่ใช้ไม่หมด เมื่อย้ายไปอยู่ในคอนโดที่พื้นที่จำกัด แถมยังต้องนั่งรถไปรับส่งลูกที่โรงเรียนวันละเกือบ 5 ชม.ทุกวัน ทำให้เราเริ่มเป็นห่วงสุขภาพร่างกายตัวเองนักเพราะต้องนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานานๆตลอด เลยหันมาหาวิธีใส่ใจวิธีดูแลตัวเองแบบบ้านๆและทำได้ง่ายๆ เราเป็นคนไม่ชอบออกกำลังกายในยิมเลย ไม่ชอบการใช้อุปกรณ์อยู่กับที่ สู้ออกไปเล่นกีฬากลางแจ้งกันเลยดีกว่า แต่วัยนี้ใครจะมาเล่นด้วยอายุออกปูนนี้แล้ว เราพยายามไปว่ายน้ำแต่กลางวันก็มีแดดจ้ามากที่สระกลัวเป็นกระฝ้าที่มีทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนกลางคืนหลังสอนการบ้านลูกและดูแลเรื่องอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะไปว่ายน้ำตอนกลางคืนก็ปรากฏว่าน้ำเย็นเจี๊ยบจน chill จากลมแรงบนยอดตึก กลับขึ้นมาก็มักจะเป็นหวัดอีก เราก็กลับมามีข้ออ้างให้ไปว่ายน้ำได้ไม่บ่อยอีก สุดท้ายจึงต้องหันมาเริ่มจากสิ่งที่ง่ายที่สุดแต่ทำยากมากสำหรับเรา นั่นคือการจำกัดและเลือกสรรอาหารที่กินเข้าไปด้วยมุมมองที่แตกต่าง เน้นแบบเพื่อสุขภาพเป็นหลักแต่ยังคงความอร่อยซึ่งเป็นปัจจัยหลักแห่งความสุขที่เราคุ้นเคย
เราเริ่มแสวงหาความรู้เรื่องอาหารและสุขภาพอย่างจริงจังมากขึ้น เพื่อศึกษาว่าเราควรและไม่ควรกินอะไรในชีวิตประจำวัน นอกเหนือจากงานอดิเรกในการสะสม cook book เล่มสวยๆจากร้านอาหารและปรมจารย์ Three-star Michelin และเอามาลองหัดทำเมนูพิเศษเล่นๆในวันว่าง ในยุคที่อาหารชีวจิตรุ่งเรือง เราอ่านหนังสือแนวทางการปรุงอาหารเพื่อสุขภาพ แต่อาหารชีวจิตมีการเน้นผักและถั่วงามากเพื่อเสริมโปรตีนทดแทนเนื้อสัตว์อันเป็นอาหารโปรดของเรา เคยทดลองแค่ 4-5 มื้อก็บอกลา มันออกแนวกินผักหญ้ามากเกินไปทำให้เราขาดความสุขจากอรรถรสของการรับประทานซึ่่งเราเชื่อว่าดีเพียงแต่ไม่เหมาะกับเรา เคยสนใจเรื่องอาหารล้างพิษและการสวนเพื่อ detox เอาของเสียในร่างกายออกทั้งแบบน้ำเปล่าและกาแฟ แต่ใจไม่กล้าพอจะลองอีกทั้งเพื่อนหมอและพี่ชายที่เป็นหมอก็สุดจะ discourage ด้วยการบอกว่าจู่ๆทำไมมนุษย์เราจึงคิดเร่งกระบวนการระบายของเสียตามธรรมชาติออกจากร่างกายโดยใส่อะไรเข้าไปทางที่มันออกมา อาหารเครื่องเทศแนวอายุรเวทที่ช่วยกระตุ้นให้ระบบไหลเวียนทั่วร่างทำงานเป็นปกติ สมุนไพรชงน้ำดื่มเพื่อลดและกระตุ้นการทำงานของอวัยวะต่างๆ การกินอาหารให้เหมาะสมตามกรุ๊ปเลือด อาหาร Raw Food ที่เสมือนบริโภคพลังชีวิตสดๆจากอาหารเข้าไปเพิ่มพลังในร่างกาย อาหาร low carb high fiber อาหารเพิ่มพลังหยินหยาง อาหารที่กินแล้วชะลอวัยคืนความเป็นหนุ่มสาวให้กับเซลล์ อาหาร macrobiotics ที่ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย อาหารฤทธิ์ร้อนและฤทธิ์เย็น ประโยชน์และโทษของชา กาแฟ และไวน์ โอโห!ยิ่งอ่านมากก็ยิ่งพบว่า เรื่องกินนี่มันเรื่องใหญ่ระดับโลกกว่าที่เราเคยคิดเอาไว้ ทฤษฎีมากมายแบบนานาจิตตังบ้างก็ตรงกันบ้างก็ขัดแย้งกัน เราแค่ต้องการจะหาแนวคิดที่เหมาะกับความต้องการดูแลสุขภาพแบบง่ายๆทำกินเองได้ที่บ้าน ให้สุขภาพแข็งแรงดี ทำให้แก่ช้าผิวพรรณสวยงาม และสุขกายสบายใจเท่านั้น สุดท้ายคงต้องผสมผสานหลายทฤษฎีเหมือนกับการปรุงอาหารหยิบโน่นนิดใส่นี่หน่อย ปรับแต่งเป็นสูตรอาหารตามที่เราเลือกจะเชื่อว่าดีและเหมาะกับตัวเรา
เริ่มจากเครื่องปรุงพื้นฐานในครัว ที่เราใช้ประจำคือซีอิ๊วขาวเห็ดหอมแทนน้ำปลาที่เลิกกินในบ้านมาหลายสิบปีเนื่องจากไม่ชอบกลิ่นแรงและคาว ซีอิ๊วเป็น 1 ใน 5 อาหารที่มีวิจัยของอเมริกาพบว่าทำให้คนเราแก่ชราช้าลงเมื่อบริโภคเป็นประจำ รองจากเต้าหู้ กิมจิ และปลาทะเล ซีอิ๊วขาวเห็ดหอมที่เราใช้จะใส่ในผัดส่วนใหญ่ ในน้ำแกงบ้างแต่จะทำให้น้ำสีออกเข้มขึ้นด้วย ถ้าต้องการแบบน้ำใสสีสวยเราจะใช้เกลือเป็นหลัก เดี๋ยวนี้ใช้แต่เกลือ sea salt แทนการใช้เกลือป่่นสีขาวที่วางขายทั่วไป เนื่องจากอ่านเจอครั้งนึงพบว่า เกลือทะเลให้ความเค็มได้มากกว่าในปริมาณที่ใช้น้อยกว่า อีกทั้งมีค่า pH ใกล้เคียงกับโลหิตของมนุษย์จึงถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างพอเหมาะไม่รบกวนสมดุลย์กรดด่างของเซลล์มากเกินไปอย่างเกลือที่ผ่านกระบวนการขัดสีและเติมไอโอดีน อีกทั้งยังสามารถบริโภคได้อย่างปลอดภัยต่อสุขภาพเหมาะสำหรับคนป่วยโรคไตที่ต้องงดเกลือโดยสินเชิงแต่สามารถรับประทานเกลือทะเลใส่ในอาหารได้เล็กน้อยโดยไม่เกิดโทษต่อร่างกาย คนที่มีปัญหาความดันโลหิตสูงก็ต้องลดอาหารเค็มลง การบริโภคเกลือทะเลกลับไม่มีผลกระทบให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
น้ำมันที่ใช้ปรุงอาหารในบ้านเป็นการปฏิวัติครั้งใหญ่ น้ำมันถั่วเหลืองที่เคยใช้นานปีถูกกวาดทิ้งตกกระป๋องไป เมื่อเห็นชาร์ต compare ไขมันดี HDL และไขมันตัวร้าย LDL ในน้ำมันพืชและสัตว์แต่ละประเภท ปัจจุบันถ้าปรุงอาหารผัดทอดที่สุกง่ายและเร็วเราจะใช้น้ำมันมะกอก แบบธรรมดาก็พอ ส่วน Extra virgin olive oil เหมาะสำหรับปรุงอาหารที่จะรับประทานสดและต้องการ induce flavor ออกมาเช่น สลัดและน้ำสลัดต่างๆ กระบวนการหีบเย็นหลายครั้งที่ใช้ในการผลิตน้ำมันมะกอกแบบนี้จะทำให้รักษารสชาดความหอมละมุนเอาไว้ได้มากที่สุด ถ้าต้องปรุงอาหารแบบผัดทอดเป็นเวลานาน เราจะใช้น้ำมัน Canola Oil ที่อุดมไปด้วยไขมันตัวดีอัดแน่นยิ่งกว่าน้ำมันรำข้าว น้ำมันพืชทั้ง 2 ชนิดนี้คือสุดยอดน้ำมันดีต่อสุขภาพ ชนิดที่หนังสือหลายเล่มยังบอกว่า คนเราควรเทมากินเล่นวันละ 2 ช้อนโต๊ะเพื่อสุขภาพ แต่เทรนด์ที่เห็นวันนี้คือบรรดา Hi-so สูงวัยหันมานิยมใช้น้ำมันมะพร้าวทาผิวและชะโลมผมทั้งประหยัดและดี ซึ่งก็ดีจริงนะ แต่ที่เอามากรอกใส่ปากวันละ 2 ช้อนโต๊ะเหมือนกันนี่มันไม่ใช่เลย น้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วย LDL ไขมันตัวร้ายมากกว่า 66% การกินสดๆเป็นประจำทุกวันโดยเชืื่อที่เขาเล่าว่า จะทำให้ยิ่งอ้วนเอาๆและ cholesterol สูงอย่างรวดเร็วเป็นการฆ่าตัวตายผ่อนส่งแบบวันละเล็กละน้อยเลยน่ากลัวนัก
เครื่องปรุงหลักติดครัวอีกอย่างคือพริกป่น ทั้งพริกไทยขาวป่นสำหรับใส่กับอาหารไทยและจีน พริกไทยดำป่นไว้ใส่อาหารฝรั่งและจีน พริกเม็ด 3 สีไว้บด crush ลงบนอาหารฝรั่งและสลัด พริกชี้ฟ้าแดงป่นสำหรับใส่อาหารไทย พริกป่น Paprika สำหรับใส่ในอาหารฝรั่งบางชนิด พริกนานาชนิดถือเป็นเครื่องเทศเพิ่มความร้อนแรง เพิ่มพลังชี่เติมเชื้อไฟให้ร่างกายอบอุ่นและกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต มีวิตามีน C สูง และ Capsaicin ที่สร้างความเผ็ดร้อนมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคและกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย การใส่ปรุงพริกไทยป่นในอาหารอย่างเหมาะสมจะได้ประโยชน์และความเผ็ดร้อนหอมอร่อยแม้ใช้เพียงปริมาณเล็กน้อยมาก
อีกอย่างที่มีติดบ้านประจำ คือกระดูกหมูเอาไว้ต้มน้ำแกงหอมอร่อย ทำหม้อใหญ่ทีเดียวใส่เกลือนิดหน่อยและรากผักชีทุบเล็กน้อย รอให้เย็นลงแล้วเทใส่ ice tray ใส่ช่องแข็ง freezer ไว้สำหรับทะยอยเอาออกมาใช้ได้ตามวิธีเก็บน้ำ stock ของฝรั่ง พอน้ำแข็งดีแล้วเราจะเอา zip lock ใหญ่สวมทับ ice tray อีกทีเพื่อไม่ให้น้ำซุประเหยแห้งไปตามความเย็นจัดของ freezer บ่อยครั้งที่เราผัดผักใช้น้ำแกงแทนน้ำมันถ้าทำผัดแบบไม่ใส่กระเทียม เอามาผสมซีอิ๊วขาวเวลาทำซอสนึ่งปลา และเอามาละลายใส่พวกหมูหรือไก่เวลารวนในกระทะแบบขลุกขลิกเช่น เวลาจะทำลาบหรือหลน เขาว่ากันว่าคนที่มี cholesterol สูงไม่ควรรับประทานน้ำซุปกระดูกหมูมาก แต่บ้านเรากินประจำ ทั้งแม่ทั้งลูกดื่มน้ำมากและชอบทานน้ำแกงและซุปข้นผักฝรั่งสารพัด น้ำซุปไก่จะเอาไว้ทำซุปฝรั่งประเภทฟักทอง มะเขือเทศ spinach broccoli ใส่ชีส cauliflower ข้าวโพด เห็ด carrot & orange ถ้าเป็นซุปเนื้อจะเอาไว้ทำ onion soup และกูลาช ซุปปลาเราไม่ค่อยทำยกเว้นจะทำ seafood soup แบบ italian กับน้ำแกงใสแนวหัวปลาหม้อไฟ
ว่าจะเล่าเรื่อง target เรายังไม่ถอดใจยอมยกธงขาวเรื่องลดน้ำหนัก รบกันมาตั้งนานเรื่องอะไรจะยอมแพ้ง่ายๆ ที่จริงแล้วอยากให้มันเป็น by product ของการมีสุขภาพดีมากกว่า แต่สุขภาพดีนั้นวัดเป็น Improvement KPI ได้ยากเย็นนอกจากจะไปตรวจร่างกายแบบ full package เทียบก่อนและหลังให้เห็นค่าตัวเลขกันเลย Stephen Covey บอกไว้ว่าคนเราต้องชนะใน private victory เสียก่อนจึงจะสามารถเอาชนะเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่าแบบ public victory ได้ เราก็จะเริ่มจากเป้าหมายลดน้ำหนักอันท้าทายสำหรับวัย metabolism drop อย่างเราด้วยความหวังที่จะลดให้ได้ 5 kg. ต่อเดือน พอลุ้นได้ไม่มากไม่น้อยเกินไปเริ่มต้นปฏิบัติตัวใหม่ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เลย
Subscribe to:
Posts (Atom)